วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

หินเเปลกและสวย

.
.
.
.
.

พายุหัวใจ

คุณตาชื่อเเปลก

หนุ่มซูดาน แต่งงานกับแพะสาว




นสพ.จูบาโพสต์ รายงานข่าวนี้ฉบับแรก ต้นสาย ปลายเหตุ คือ ชาวบ้านแอบเห็นนายชาร์ลส์ทำบัดสีบัดเถลิงไม่อับอายผีสางเทวดา... ลักลอบข่มขืนใจสมสู่กับสัตว์สี่เท้า “แพะเพศเมีย” ชื่อ โรส จึงนำความแจ้งคณะผู้อาวุโสของท้องถิ่น

นายชาร์ลส์เลยโดนประจานต่อสาธารณชน โดยยื่นคำขาดบังคับ “เข้าพิธีแต่งงาน” กับน้องแพะสาว รับภาระเลี้ยงดูแพะในฐานะภรรยาเยี่ยงปุถุชนที่สมรสกับมนุษย์ด้วยกัน

ทอม โรดส์ ชาวอังกฤษ นายทุนก่อตั้ง จูบา โพสต์ เมื่อปี 2547 บอกนักข่าวบีบีซีว่า ตนแปลกใจแทบช็อกเมื่อทราบว่าประชาชนจำนวนมหาศาลทั่วโลกติดตามเรื่องนี้ ซึ่งหนังสือพิมพ์ของเขาเขียนเป็นข่าวสั้นๆ เบาสมองไม่ซีเรียส เผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ตด้วย

“ชาร์ลส์แก้ตัวว่า อีตอนเกิดเหตุเขาเมาจัดและคึกคะนองมองเห็นแพะยิ้มสวย ก๊อเลยหน้ามืดทำมิดีมิร้ายแพะ แต่ซวยมีคนมาเจอะเข้า ท้ายสุดนายชาร์ลส์ยอมรับชะตากรรม” ทอมเล่า “หลังแต่งงานกับคน โรสมีลูกเพศผู้หนึ่งหน่อ แต่ลูกเป็นแพะไม่ยักใช่มนุษย์แฮะ”

ล่าสุดนางแพะโรสสิ้นลมปราณลาโลกเสียแล้ว...มิใช่ถูกมนุษย์จิตวิปลาส ชาร์ลส์ ทอมเบ้ ใช้งานหลวงงานราษฎร์หนักเกินกำลังหรอก... โรสกลืนถุงพลาสติกแล้วติดคอสำลักขณะเล็มหญ้า กินเศษอาหารบนท้องถนนเมืองจูบา!?

ฮือฮา "ลูกควาย" มีเกล็ดคล้าย "เต่า"

เกิดเสียงร่ำลือว่าที่บ้านหินหล่อง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ของนายทองอยู่ เมนขุนทด สมาชิกอบต. มีแม่ควายให้ลูกออกมามีลักษณะแปลก เนื่องจากทั่วทั้งตัวของลูกควายมีเกล็ดขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง ดูๆ คล้ายเกล็ดกระดองเต่า

         



จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านประมาณร้อยคนกำลังมุงดูเจ้าควายน้อยที่เพิ่งเกิดใหม่ อยู่ในสภาพแข็งแรง บริเวณทั่วตัวพบมีเกล็ดเล็กบ้างใหญ่บ้าง คล้ายเกล็ดกระดองเต่า บริเวณหัวมีเกล็ดขนาดใหญ่ เป็นแผ่นๆ มีลักษณะแข็ง มีเกล็ดขนาดเล็กๆ ขึ้นปิดบริเวณหนังตาทั้งสองข้าง ทำให้เจ้าควายน้อยไม่สามารถลืมตาได้

สอบถามนายทองอยู่ทราบว่า ได้รับบริจาคควายมาจากร้านกิจถาวรตลาดเทศบาลด่านขุนทด ซึ่งขณะนั้นแม่ควายกำลังตั้งท้อง และเมื่อคลอดลูกออกมาก็ตกตะลึง เพราะลูกควายหน้าตาแปลกประหลาด มีเกร็ดคล้ายเกล็ดกระดองเต่าทั่วทั้งตัว

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่เดินทางแห่กันมาดู ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็นำเวลาที่เจ้าควายน้อยเกิดมารวมกับวันที่เกิด นำไปตีเป็นเลขเด็ด เรื่องแบบนี้ห้ามกันไม่ได้จริงๆ!!

แปลก! แมวมีปีก เหมือนนก

หญิงชราชาวจีนอ้างว่า แมวเหมียวที่แกเลี้ยงไว้ เกิดปรากฏการณ์ผิดปกติเหลือเชื่อเหนือธรรมชาติ...จู่ๆก็มี “ปีก” สองอันงอกออกมายาวเฟื้อย!?

         



สำนักข่าวฮั้วซ่างนิวส์รายงานว่า แมวเพศผู้ สัตว์เลี้ยงแสนรักสุดเลิฟของ นางเฟิง ราษฎรเมืองเสี้ยนหยาง มณฑลส้านสี สาธารณรัฐประชาชนจีน เติบโตตามลำดับเหมือนวิฬาร์ทั้งหลาย กระทั่งย่างสู่ วัยหนุ่มฉกรรจ์หน้าตาหล่อเหลาบ้องแบ๊ว

จึงมีบรรดาแมวสาวส่งสายตาปิ๊งๆ ทอดสะพาน คอนกรีตเสริมเหล็ก เชิญชวนยวนยั่วขอร่วมเสพสมเพิ่มผลิตผลประชาชนแมว จรรโลงสัตว์โลกสายพันธุ์ วิฬาร์ให้คงอยู่คู่โลกา

“แต่แปลกประหลาดแฮะ ไอ้เหมียวไม่ยักสนใจแมวสาวๆ แถมสำแดงอาการโกรธเกรี้ยวขนลุกชูชัน ส่งเสียงเมี้ยวม้าวลั่น ขับไล่แมวตัวเมียกระเจิง ครั้นโดนตามตื๊อหนักเข้า...ก็ปรากฏปุ่มตะโหงกสองก้อน งอกขึ้นมาบริเวณหัวไหล่ ปุ่มดังกล่าวเจริญเติบโตยาวเฟื้อยอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขนยาวสี่นิ้วปกคลุม เวลาผ่านพ้นเดือนเดียวก็แน่ชัดนั่นคือ ปีก ภายในมีกระดูกรองรับ เพียงแต่ไม่อาจบินได้เท่านั้นเอง... มันเหมือนเทพบุตรวิฬาร์เชียวหละ” อาม่าเฟิงจินตนาการ

ด้านสัตวแพทย์บอกมิมีอะไรบนกอไผ่ นอกจากหน่วยพันธุกรรมในโครโมโซมหรือยีน (gene) ผิดปกติ แต่ไม่ส่งผลร้ายใดๆต่อการดำรงชีวิตเจ้าเหมียว

แปลก! สาวคลอดลูกวันที่ 7/7/07 บนรถเลข 7777

ช่วงเช้ามืดมีหญิงท้องแก่พร้อมเด็กชายและเด็กหญิง รวม 3 คน โบกรถจากปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 ให้ไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพล สักครู่หญิงท้องแก่คนดังกล่าวก็คลอดลูกออกมาและได้ยินเสียงเด็กร้อง 1 ครั้ง ก่อนเงียบหายไป

         



วันนี้ (7 ก.ค.) เกิดเหตุ นางอัญชลี ใจเพียร หญิงท้องแก่ อายุ 21 ปี คลอดลูกบนรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทย 7777 กรุงเทพมหานคร ขณะว่าจ้างรถแท็กซี่จากปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 ใกล้อาคารไอทีสแควร์ แยกหลักสี่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้ขับไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพล

โชเฟอร์รถแท็กซี่คันดังกล่าว กล่าวว่า ช่วงเช้ามืดมีหญิงท้องแก่พร้อมเด็กชายและเด็กหญิง รวม 3 คน โบกรถจากปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 ให้ไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพล สักครู่หญิงท้องแก่คนดังกล่าวก็คลอดลูกออกมาและได้ยินเสียงเด็กร้อง 1 ครั้ง ก่อนเงียบหายไป

"เด็กผู้ชายที่ขึ้นรถมาด้วยกันได้ถอดเสื้อออกมาห่อตัวเด็กที่เพิ่งคลอดออกมา ตนจึงรีบขับรถไปส่งผู้โดยสารรายนี้ที่โรงพยาบาลภูมิพล พยาบาลได้รับตัดสายรกเด็กทราบว่าเป็นเพศหญิง ขณะนี้สองแม่ลูกปลอดภัยแล้ว อยู่ระหว่างการดูแลรักษาพยาบาลของแพทย์ประจำโรงพยาบาล

ตื่นกล้วยประหลาด เครือคล้าย "งวงช้าง"

  พบต้นกล้วยต้นหนึ่ง แปลกประหลาดที่ออกเครือกลางลำต้น แล้วโคนของเครือกล้วยโค้งงอเหมือนงาช้าง หันหัวปลีเข้าหาลำต้น เพียงเท่านั้นชาวบ้านก็ฮือฮาแห่ไปกราบไหว้ขอหวย

         



วันก่อนมีคนมาบอกว่า พบต้นกล้วยต้นหนึ่ง แปลกประหลาดที่ออกเครือกลางลำต้น แล้วโคนของเครือกล้วยโค้งงอเหมือนงาช้าง หันหัวปลีเข้าหาลำต้น เพียงเท่านั้นชาวบ้านก็ฮือฮาแห่ไปกราบไหว้ขอหวย

บ๊ะ!! มันจะแปลกปานนั้นเชียวหรือ ว่าแล้ว "เป็นไปได้" ก็แจ้นไปที่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 10 บ้านดอนเงิน ต.ชะแล อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ตามลายแทงที่แจ้งมา

เมื่อไปถึงพบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายทองแดง ทองแก้ว อายุ 49 ปี และนางทองผา ทองแก้ว อายุ 48 ปี สองสามีภรรยา สำหรับต้นกล้วยดังกล่าวเป็นกล้วยน้ำว้าอยู่ในกอกล้วยหลังบ้าน โดยที่ต้นกล้วยต้นหนึ่งแปลกประหลาดกว่าต้นอื่นๆ ตรงที่บริเวณกลางลำต้น ได้มีเครือโผล่ออกมา แทนที่จะไปออกที่ปลายต้น

และกล้วยเครือที่โผล่ออกมานั้น มีกล้วยทั้งหมดจำนวน 9 หวีด้วยกัน ส่วนก้านของเครือแทนที่จะห้อยลงดิน กลับงอโค้งขึ้นคล้ายงวงช้าง แล้วตัวปลีกล้วยหันกลับไปหาลำต้น

นางทองผาบอกว่า เมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาได้เกิดฟ้าผ่าที่เสาบ้าน ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้รับความเสียหาย คิดว่าจะเป็นการบอกลางที่ไม่ดี จึงได้ทำพิธีนิมนต์พระมา 4 รูป ทำพิธีสวดสะเดาะสงเคราะห์

หลังจากนั้นในเวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่นอนอยู่ก็ได้ยินเสียงร้องเหมือนคนจะคลอดลูกที่บริเวณหลังบ้าน ซึ่งเป็นกอกล้วย แต่ไม่กล้าลงมาดู จนรุ่งเช้าจึงได้ชวนนายทองแดงสามีลงไปดู ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นต้นกล้วยน้ำว้าออกเครือมาจากลำต้นแล้วโค้งงอเหมือนงาช้าง และที่ปลีได้เสียบเข้าหากลับลำต้น

นางทองผา กล่าวต่อไปว่า ถึงตอนนี้ทำให้คิดว่าต้นกล้วยน่าจะให้โชคลาภกับครอบครัว จึงได้จุดธูปเทียนกราบไหว้ และหลังจากที่ชาวบ้านทราบข่าวต้นกล้วยประหลาดก็ได้แห่มาดู และบ้างก็นำผ้าแพรสีต่างๆ มาผูกที่โคนของเครือกล้วย บ้างก็พากันเอาแป้งมาลูบที่ลำต้นเสี่ยงทายตัวเลข และพากันมาขอหวยกันอย่างไม่ขาดสายแทบทั้งวัน

"ชาวบ้านมากันอย่างนั้นก็ไม่สามารถที่ขัดขวางได้ หลายคนพากันตีเป็นเลขเด็ดต่างๆ นานา แล้วแต่ความเชื่อและที่เห็นของแต่ละคน"นางทองผาว่าอย่างนั้น แต่ถ้าจะให้เสริมก็บอกว่า เรื่องนี้เงินใครเงินมัน!!

มะพร้าวคล้ายกล้วย

ชาวบ้านเมืองหมอแคน แตกตื่นกันยกใหญ่เมื่อมีคนไปพบต้นมะพร้าวออกลูกคล้ายเครือกล้วย อยู่ในบ้านเลขที่ 364 หมู่ 8 บ้านซำจาน ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

         
เมื่อตามไปดูกับเขาด้วยก็พบชาวบ้านจำนวนมาก ล้อมรอบต้นมะพร้าวประหลาด ออกผลคล้ายกล้วย 1 ทะลายอย่างเนืองแน่น



นางประยงค์ โนนโทนวงษ์ อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการ รพช.ลำปาง เจ้าของบ้านและเจ้าของต้นมะพร้าว ยืนคุมเชิงต้นมะพร้าวที่ออกผลมีลักษณะคล้ายกล้วย 1 ทะลายห้อยเป็นพวงใหญ่ มีผลมากกว่า 200 ลูก มีก้านต่อห้อยลงมาจากต้นมะพร้าวประมาณ 1 คืบ

หน้าต้นมีโต๊ะหมู่บูชา กระถาง ธูปเทียน ให้ประชาชนมากราบไหว้ โดยเจ้าของต้นมะพร้าวได้เขียนป้ายไว้ที่ผลลูกมะพร้าวที่กลายเป็นกล้วยไว้ว่า "ห้ามจับ"

นางประยงค์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ปลดเกษียณจาก รพช.ลำปางมาแล้ว ก็มาทำไร่ทำสวนอยู่ในไร่ในหมู่บ้านซำจาน อ.เมืองขอนแก่น โดยก่อนหน้านั้นประมาณ 1 ปี ได้ไปซื้อต้นมะพร้าวพันธุ์น้ำหอมจาก จ.นครปฐม มาจำนวน 3 ต้น ต้นละ 150 บาท หลังจากนั้นได้นำมาปลูกในสวนบ้านซำจาน

เมื่อปลดเกษียณมาแล้วก็มาทำสวนอย่างจริงจัง เมื่อประมาณต้นปี 2550 มีต้นมะพร้าวที่ซื้อมาได้ออกผลเป็นลูกมะพร้าวเหมือนมะพร้าวทั่วไป ก็ได้นำมารับประทาน และรดน้ำให้กับต้นมะพร้าวเสมอ กระทั่งมีข้างบ้านเห็นว่ามะพร้าวต้นหนึ่งที่ซื้อมาแปลกมากกว่าต้นไม้ต้นอื่นๆ ผิดธรรมชาติอย่างมาก เพราะต้นมะพร้าวได้มีอยู่ 1 ทะลายออกผลคล้ายกล้วย 1 ทะลาย

จากนั้นได้นำผลลูกหนึ่งมาผ่าดูพบเป็นลูกมะพร้าวคล้ายลักษณะกล้วย มีแกนตันไม่มีใยเหมือนกากมะพร้าว จึงได้ปล่อยเอาไว้ให้เจริญเติบโต หลังจากนั้นมีชาวบ้านทราบข่าวได้บอกกันปากต่อปาก ว่ามีมะพร้าวออกลูกเป็นกล้วยก็พากันมาดูอย่างเนืองแน่น

และก่อนหน้านี้มีพระสงฆ์ ประจำอยู่วัดบ้านหนองปอ ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น อ้างว่าเป็นพระสงฆ์เข้าทรงเทพฤๅษีตาไฟ ทราบข่าวจากการเข้าทรง จึงได้มาพิสูจน์ดูต้นมะพร้าวประหลาดมีผลเป็นกล้วย เมื่อพบว่าเป็นจริงตามที่เข้าทรงมาก็บอกว่า ลูกมะพร้าวที่กลายเป็นกล้วยมีทั้งหมด 225 ลูก ร่วงลงมาเอง 3 ลูก มีคนเอาไป 1 ลูก

นางประยงค์ ก็บอกว่าใช่ เพราะได้เด็ดมา 1 ลูก เพื่อผ่าพิสูจน์ดู หลายคนจึงเชื่อว่าการเข้าทรงน่าจะจริง เสียงร่ำลือจึงพาหลายคนมาที่โคนมะพร้าวเพื่อหาเลขเด็ด เป็นหวังและฝันที่เห็นกันได้ทั่ว!!

มนุษย์ 3 หู

ข่าว แปลก ศิลปิน ชาว ไซปรัส อยากมี หู เพิ่มอีก 1 ข้าง จึงหา หมอ ใจกล้า ให้ผ่าตัด ฝัง ใบหู ลงไปที่ แขนซ้าย แถมใน อนาคต ศิลปิน คนนี้ ยังมี โครงการ ฝัง ไมโครโฟน อีกด้วย

         



คนเราแค่เกิดมาแล้วมีร่างกาย "ครบ 32" ก็ถือเป็นบุญสุดๆ แล้ว

แต่นายสเตลิโอ อาร์คาดิโอ ศิลปินชาวไซปรัสที่มาหากินอยู่ในออสเตรเลีย ดั๊นอยากมี "หู" เพิ่มมาอีก 1 ข้าง เพื่อสร้างงานศิลปะชิ้นเอกบนเรือนร่าง!

และแล้วเขาก็เที่ยวตระเวนออกไล่ล่าหมอใจกล้า ให้ลงมือผ่าตัดฝังใบหูลงไปใน "แขนซ้าย" สำเร็จจนได้!

"หูข้างที่ 3 ของกระพ้มมันคืองานศิลป์ที่ช่วยเติมเต็มร่างกาย" สเตลิโอ บอก

ในอนาคต "ศิลปิน 3 หู" คนนี้ยังมีโครงการฝัง "ไมโครโฟน" บันทึกเสียงลงไปในหูข้างใหม่ซะด้วย..เอ้า..บ้าก็บ้าฟะ!!

ทารกอินเดีย มี 4 แขน 4 ขา

ที่เมืองบังกาลอร์ ทางใต้ของอินเดีย มีเด็กหญิงชาวอินเดียคนหนึ่งเกิดมามี 4 แขน 4 ขา โดยพ่อแม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าวอยากให้แพทย์ผ่าตัด เพื่อให้เด็กได้ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป

         



บีบีซีรายงานว่า ทีมแพทย์โรงพยาบาลในเมืองบังกาลอร์ทางใต้ของอินเดีย ลงมือผ่าตัดช่วย ด.ญ.ลักษมี ทัตมา วัย 2 ขวบ เด็กหญิงที่เกิดมามีขาและแขนอย่างละ 4 ข้าง ซึ่งชาวบ้านพากันร่ำลือว่า เป็นพระนางลักษมี เทพแห่งทรัพย์สมบัติ อวตารลงมาเกิด

แพทย์อธิบายว่า เด็กมีอวัยวะเจริญมากกว่าปกติ เนื่องจากระหว่างอยู่ในครรภ์ส่วนของกระดูกเชิงกรานของเด็กหญิงไปเชื่อมกับอวัยวะของฝาแฝดไข่ใบเดียวกันที่ไม่เจริญเติบโตและไม่มีศีรษะ ทำให้มีแขนขาเกินด้านละ 2 ข้าง นอกจากนี้ ยังมีไตข้างละ 2 ข้าง มีเส้นประสาทที่พัวพันอยู่ มีโพรงกระเพาะ 2 ช่อง และโพรงปอด 2 แห่ง ทำให้เด็กเดินไม่ได้ และสำหรับการผ่าตัดถือว่าซับซ้อนมาก

นายแพทย์ชรัน ปาติล ผู้นำทีมศัลยแพทย์ กล่าวว่า แพทย์ต้องผ่าแยกกระดูกสันหลังและไตซึ่งเป็นของฝาแฝดออกจากตัวของเด็ก เมื่อเริ่มต้นด้วยการผ่าเปิดช่องท้อง

การผ่าตัดต้องใช้เวลาราว 40 ชั่วโมง แต่ถ้าการผ่าตัดราบรื่นจะใช้เวลาน้อยกว่านั้น ส่วนโอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตอยู่ร้อยละ 20-25 ลักษณะของเด็กหญิงซึ่งอวัยวะเชื่อมต่อกับฝาแฝดไม่พบบ่อยนัก โดยจะพบเพียง 1 ใน 200,000 คน และโอกาสรอดอยู่ที่ร้อยละ 5-25

นายแพทย์ปาติล กล่าวว่า ทีแรกตนได้ยินว่ามีเด็กหญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐพิหาร ติดชายแดนเนปาล ต้องการความช่วยเหลือ จึงเดินทางไปค้นหา พบด.ญ.ลักษมี ลูกของนางพูนัม และนายสัมภู มีพี่ชาย 1 คน ตนตกใจว่า เด็กมีอาการติดเชื้อและเป็นไข้เรื้อรังโดยไม่ได้รับการรักษา ทางพ่อแม่ของเด็กดีใจมากและอยากให้ลูกผ่าตัด เพื่อเด็กจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่และใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นพ่อแม่ที่ฉลาดมากและมองการณ์ไกล

ด้านนายสัมภู พ่อของเด็ก กล่าวว่า ทางครอบครัวต้องคอยแอบซ่อนลูกคนนี้ไว้หลังจากมีคณะละครสัตว์มาติดต่อขอซื้อ และทุกคนในหมู่บ้านพากันคิดว่าลูกเป็นเทพมาเกิด

อื้อฮือ! "ส้วม" ทองคำ

  ฮ่องกงมีการสร้างส้วมทองคำ โดยส้วมนี้ ทำด้วยทองคำแท้ 24 กะรัต สุกอร่ามไปทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นโถส้วม อ่างล้างมือ แปรงขัดส้วม ที่แขวนกระดาษทิชชู กรอบกระจก โคมไฟแชนเดอเลีย ฯลฯ

         



ห้องสุขาทองคำที่ว่านี้ เปิดให้ชมมาตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ.2001 โน่น ไม่รู้ว่าป่านนี้ยังอยู่ดีหรือเปล่าเป็นห้องส้วมที่จัดสร้างขึ้นในร้านจิวเวลรี่ชื่อ 3D-Gold ในฮ่องกง ของนายลัม ไซ-วิง หนุ่มจีนแผ่นดินใหญ่วัย 45ปี ที่อพยพเข้าไปอยู่ในฮ่องกงตั้งแต่อายุ 22 และทำมาค้าขายเกี่ยวเรื่องเพชรๆ พลอยๆ ของสวยงามจนกระทั่งตั้งร้านจิวเวลรี่ของตัวเองได้สำเร็จร่ำรวยสมปรารถนา

นายลัมมีจินตนาการตั้งแต่วัยเด็กว่า ถ้าหากเขาร่ำรวยขึ้นมาสักวันหนึ่ง จะขอสร้างห้องส้วมทองคำให้ตัวเองสักหลัง เพราะเขาเกิดประทับใจกับคำพูดของ วลาดิมีร์ เลนิน ผู้นำการปฏิวัติสังคมนิยมในรัสเซียเมื่อปี ค.ศ.1921 ที่ว่า สังคมปฏิวัติน่าจะสร้าง “ส้วมทองคำ” ขึ้นมาสักแห่งเพื่อเตือนความทรงจำของมนุษยชาติให้เห็นถึงขยะอันน่าชิงชังรังเกียจของลัทธิทุนนิยม

ส้วมทองคำแห่งนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างอื้ออึง เพราะทำด้วยทองคำแท้ 24 กะรัต สุกอร่ามไปทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นโถส้วม อ่างล้างมือ แปรงขัดส้วม ที่แขวนกระดาษทิชชู กรอบกระจก โคมไฟแชนเดอเลีย แม้กระทั่งเพดาน ผนังห้อง พื้นกระเบื้อง และบานประตูก็ปูและกรุด้วยทองคำแท้ๆ เฉพาะเพดานส้วมนั้นยังฝังเพชรพลอยจำพวก ทับทิบ ไพลิน มรกต และอำพัน ส่องประกายมลังเมลือง จำนวนถึง 6,200 เม็ด

โถงหน้าห้องน้ำออกแบบเป็นสไตล์โรมัน และที่พื้นห้องฝังทองคำแท่งหนักราว 2 ปอนด์ไว้บนกระเบื้องแต่ละแผ่น สุกอร่ามไปทั้งร้าน มูลค่าเหนาะๆ ของห้องส้วมแห่งนี้ประมาณ 38 ล้านเหรียญฮ่องกง แต่ก็คุ้มแสนคุ้มเพราะลูกค้าแห่แหนกันเข้ามาเยี่ยมชมอย่างล้นหลาม จนต้องจัดคิวเข้าดูตลอดวันและโทรทัศน์ CNN ยังมาถ่ายทำข่าวออกเผยแพร่ไปทั่วโลก ดังระเบิด

ผลพลอยได้ที่นายลัมรับเหนาะๆ ทันทีคือเงินทองไหลมาเทมาจากการขายสินค้าในร้าน เนื่องจากลูกค้าที่ต้องการสัมผัสโถส้วมทองคำให้เป็นบุญก้นสักครั้งต้องซื้อของในร้านมูลค่าตั้งแต่ 138 ดอลล่าร์ หรือ 1,000 เหรียญฮ่องกง ขึ้นไปจึงจะได้เข้าไปใช้ส้วมหลังนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าลูกค้าทุกคนต้องถอดรองเท้าเสียก่อนจึงจะผ่านเข้าไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วพื้นห้องน้ำทองคำอาจบอบช้ำถลอกปอกเปิกจากส้นรองเท้าได้

30 ปี ศพไม่เน่า เชื่อเป็น ลูกกรอก

ศพ 30 ปีไม่เน่า เชื่อเป็น ลูกกรอก หรือ กุมารทอง โดยวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับศพไร้ญาติที่ถูกฝังไว้ในวัด

         



และต้องตกตะลึงจนเป็น ข่าว เมื่อพบศพเด็กจำนวน 3 ศพและศพผู้ใหญ่อีก 1 ศพกลับไม่เน่าเปื่อยทั้งที่ฝังไม่ต่ำกว่า 30 ปี ชาวบ้านเชื่อศพเด็กเป็น ลูกกรอก หรือ กุมารทอง ส่วนศพหญิงสาวเป็นนางฟ้า

กุมารทอง หรือว่า ลูกกรอก เป็นเรื่องที่ชาวบ้านยึดมั่นประเภท หากไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่กันเลยทีเดียว จากประวัติและตำนานมีพูดกันมากมาย แต่ล่าสุดที่วัดสะแก ต.ในเมือง อ.เมือง จ. นครราชสีมา กลับมีความฮือฮาว่าได้พบ "ลูกกรอก"

วันก่อน มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถานนครราชสีมา ประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับศพไร้ญาติที่ถูกฝังไว้ในวัดสะแก จำนวน 14 ศพ หลังจากขุดออกมาเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศล 3 วันก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณี ต่อไป

โดยในจำนวนศพทั้งหมดหลังจากขุดออกมา ชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญจำนวนมากต่างตกตะลึงหลังพบว่า ศพเด็กจำนวน 3 ศพและศพผู้ใหญ่อีก 1 ศพกลับไม่เน่าเปื่อยผิวหนังแห้งติดกับกระดูก ชาวบ้านที่มามุงดูต่างอ้างว่าศพเด็กดังกล่าวเป็นลูกกรอก ส่วนศพหญิงสาวเป็นนางฟ้า ประชาชนที่มามุงดูต่างก็ร่วมทำบุญด้วยการซื้อเสื้อผ้าและน้ำหอมเครื่องแต่งตัวมาตกแต่งให้กับศพดังกล่าวด้วย

ที่สำคัญบางคนก็นำธูปเทียนมากราบไหว้ เพื่อขอพรตามความเชื่อ รวมทั้งบางรายยังได้อธิษฐานขอพรให้ฝันได้เลขหวยเด็ดๆ อีกด้วย สำหรับศพเด็กที่เป็นลูกกรอกดังกล่าว ประกอบด้วย ด.ญ.สุกัญญา ชลงาม อายุประมาณ 10 ขวบ ถูกฝังไว้ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2518, ด.ช.ปีนัง ไม่ทราบนามสกุล อายุ ประมาณ 6 ขวบ ถูกฝังไว้ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 2517 และ ด.ช.สมเกียรติ ขอฝากกลาง อายุประมาณ 4 ขวบ ถูกฝังไว้ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. 2512

นอกจากนี้ยังมี น.ส.เล็ก ศรีวิชัย อายุประมาณ 20-25 ปี ถูกฝังตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.2518 ทั้งนี้แต่ละศพถูกฝังไว้ไม่ต่ำกว่า 30 ปี ในขณะที่ชาวบ้านแห่เข้ามาดูและกราบไหว้อย่างไม่ขาดสาย

ฮือฮา! เหมียว 4 ใบหู

ฮือฮา! คุณแม่ชาวอียิปต์ คลอดแฝด 7

คุณแม่ชาวอียิปต์คลอดลูกแฝด 7 รวดเดียว โดยเป็นชาย 4 และหญิง 3 แพทย์สุดทึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน

         



สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงาน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม.ว่า นางกาซาลา คามิส หญิงชาวอียิปต์วัย 27 ปี ได้คลอดลูกแฝด 7 คน ที่โรงพยาบาลในเมืองอเล็กซานเดอร์ ประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นเด็กชาย 4 คน และเด็กหญิง 3 คน น้ำหนักตัวทั้งหมดตั้งแต่ ตั้งแต่ 3.2 ปอนด์ - 6.17 ปอนด์ โดยเด็กแฝดทั้ง 7 ถูกจับเข้าห้องอบอุณหภูมิ

ขณะที่ นางกาซาลา มีอาการปลอดภัยดี ซึ่งเธอได้รับการถ่ายเลือดระหว่างรับการทำคลอดด้วยวิธีผ่าท้อง จากการตัดสินใจของแพทย์เนื่องจากเห็นว่าการตั้งครรภ์ของเธอกระทบต่อไต และมีขึ้นในขณะที่เธอตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนเต็ม

ด้านนายแพทย์ อีมัด ดาร์วิช ผู้ทำการผ่าตัด ระบุว่า การคลอดแฝด 7 ครั้งนี้เป็นการเหตุการณ์คลอดเด็กที่แปลกและหายาก ซึ่งเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยในรอบ 33 ปีที่ผ่านมา

โรคประหลาด เลือดท่วมตัว

ทวิงเคิล ดวีเทวี เป็นเด็กหญิงชาวอินเดีย จากรัฐอันตรประเทศ อายุ 13 ปี ซึ่งเด็กๆ วัยนี้น่าจะเป็นวัยที่มีแต่ความสดใสร่าเริง แต่ชีวิตของทวิงเคิล

         





ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเธอเป็นโรคแปลกประหลาดที่ยังรักษาไม่หาย อาการของโรคทำให้เลือดท่วมร่างของเด็กหญิงอยู่ตลอดเวลา

ภาพที่เลือด ไหลออกจากหลายๆ ส่วนร่างกาย ทำให้เด็กหญิงไม่มีเพื่อนคบหา ถูกโรงเรียนไล่ออก เพื่อนบ้านหวาดกลัว พร้อมกับกล่าวหาว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะถูกสาปแช่ง

นางนันดนี ดวีเทวี แม่ของทวิงเคิลกล่าวว่า "เราไม่ใช่พวกที่งมงาย แต่เมื่อหมอแผนปัจจุบันรักษาไม่หาย ฉันก็พาลูกไปทุกๆ ที่ เผื่อว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ ไม่ว่าจะเป็นวัด สุเหร่า โบสถ์ แต่ทุกที่ก็รักษาอาการเลือดท่วมของลูกสาวฉันไม่ได้ ลูกยังมีอาการอ่อนเพลียเพราะเลือดออกมากเกินไป ทั้งยังรู้สึกสิ้นหวังและเก็บเนื้อเก็บตัวมากขึ้น ฉันอยากให้ลูกได้ไปโรงเรียนเหมือนเดิม"

เลือดที่ไหลออกมาเป็นเลือดที่มีความข้นน้อยมาก มันเหมือนกับไวน์แดงไหลออกมาจากตา จมูก ตีนผม คอ ฝ่าเท้า บางครั้งอาการแย่มากถึงขนาดเด็กหญิงตื่นขึ้นมากลางดึก และพบว่า ทั้งร่างกายมีเลือดแห้งกรัง

"ถ้าเลือดออกที่ศีรษะ หนูจะรู้สึกว่าหัวหนูหนักมาก ถ้าเลือดออกที่ตา ตาก็จะแสบไปหมด เวลาอาบน้ำล้างตัวยังรู้สึกเจ็บด้วย" ทวิงเคิลกล่าว

อาการนี้มีขึ้นเมื่อเด็กหญิงอายุ 12 ปี จู่ๆ ก็มีเลือดออกวันละ 5-20 นาที ดูน่ากลัวมาก กระโปรงนักเรียนเต็มไปด้วยเลือดสีแดง ไม่มีใครเข้าใกล้และเล่นด้วย เด็กหญิงร้องไห้ทุกครั้งที่เลือดออก จากนั้นโรงเรียนไม่รับเธอเข้าเรียนจนต้องเรียนที่บ้านแทน

แพทย์จากสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลอินเดีย เชื่อว่า ทวิงเคิลเป็นโรคความผิดปกติของเกล็ดเลือด "Type 2 Platelet Disorder" ที่พบยากมาก ยังไม่มีทางรักษาหาย เพราะยังหาทางทำให้เลือดข้นกว่านี้ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ดรูว์ โพรวาน ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา จากโรงพยาบาลบาร์ตส์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีความเห็นว่า ทวิงเคิล อาจไม่ได้เป็นโรค "Type 2 Platelet Disorder" แต่อาจเป็นโรค "วอน วิลแบรนด์ (von Willebrand)" และควรพบแพทย์เพื่อเข้าเครื่องวิเคราะห์การแข็งตัวของเลือด โดยเชื่อว่า อาการของทวิงเคิลไม่เกี่ยวกับอนุภาคที่ทำให้เลือดแข็งตัว แต่เกี่ยวกับระดับของ "วอน วิลแบรนด์ แฟคเตอร์ (vWF)"

ปลาแฝด

สำนักข่าวต่างประเทศฮือฮา พบปลาแฝดสยาม ซึ่งมีท้องติดกัน และยังมีชีวิตในประเทศไทย โดยปลาทั้งคู่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

         
ปลาแฝดสยามตัวเป็นๆ ในไทย



 
ปลานิลแฝดวัย 8 เดือนคู่นี้ มีลำตัวใต้ท้องติดกัน ขณะที่อวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกายแยกอิสระจากกัน และมีพัฒนาการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นระบบการหายใจ และการขับถ่าย

ปลาตัวที่ใหญ่กว่า ทำหน้าที่เสมือนพี่ผู้ปกป้องน้อง ที่ติดอยู่ด้านล่างของลำตัว ซึ่งมีขนาดตัวเล็กกว่า ทั้งยังเป็นผู้คอยหาอาหารด้วย

ทั้งนี้ ปลานิลเป็นปลาน้ำจืด พบได้ในแม่น้ำ คลอง ทะเลสาบ และหนองน้ำในเขตร้อน เจริญเติบโตได้ยาวสุด 2 ฟุต และหนักได้ถึง 9 ปอนด์ ส่วนเจ้าปลาแฝดสยามสองพี่น้องคู่นี้พบในสถานที่เลี้ยงสัตว์น้ำแห่งหนึ่งในกรุงเทพ

หมูตกลูก แปลกประหลาด คล้ายช้าง

ชาวบ้านที่มุกดาหาร แห่ไปขอดูซากลูกหมูแปลกประหลาด มีหน้าคล้ายช้าง ไม่มีปาก แต่มีเนื้อยื่นออกมาด้านหน้าคล้ายงวง เจ้าของเห็นเป็นของแปลก แช่เย็นเอาไว้ให้ได้ดู

         



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.30 วันนี้ (29 ส.ค.) นายอ่อนสี โคตรพรหม อายุ 38 ปี อยู่ที่ 31 หมู่.4 บ้านดอนชาด ต.ชะโนดน้อย อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เจ้าของหมูแปลกประหลาด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้เลี้ยงหมูพันธุ์เหมยซานผสมพันธุ์พื้นบ้านจำนวน 4 ตัว มีเพศผู้ 3 ตัว และเพศเมีย 1 ตัว อยู่ในคอกหลังบ้านดังกล่าว กระทั่งเมื่อตอนเช้า หมูเพศเมียที่ตั้งท้องได้ตกลูกมาจำนวน 5 ตัว เป็นเพศเมีย 3 ตัว เพศผู้ 2 ตัว แต่ตัวสุดท้ายเพศเมียอวัยวะภายนอกปกติทุกอย่าง แต่มีลักษณะผิดปกติแปลกประหลาดตรงบริเวณปากมีลักษณะไม่มีปาก แต่มีเนื้อยื่นยาวเหมือนงวงช้างออกมาได้ประมาณ 10 กว่านาทีก็ตาย ซึ่งตนเห็นว่าเป็นของแปลกจึงได้นำมาแช่เย็นเอาไว้ดู

ขณะที่ชาวบ้านในระแวกใกล้เคียง เมื่อได้ทราบข่าวต่างพากันมาขอดูและจุดธูปขอโชคลาภตามความเชื่อ

แปลกจริงหนอ

ต้นลิ้นฟ้า ออกดอก คล้ายพญานาค

ชาวบ้านที่สกลนคร แห่ขอโชคลาภจากต้นลิ้นฟ้าแปลกประหลาด เชื่อออกดอกคล้ายพญานาค ที่วัดบางเลนนักเสี่ยงโชค เข้ากราบไหว้แม่ย่าตะเคียนทอง เจ้าอาวาสเตือนสติอย่างมงาย...

         



บ่ายวันนี้ (15 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่วัดบางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม พบประชาชนจำมากเดินทางมา ขอโชคขอลาภจากแม่ย่าตะเคียนทอง ที่ตั้งอยู่ภายในวัด ซึ่งผู้ที่มาขอโชคลาภคนหนึ่งระบุว่ามาที่วัดบางเลนกับสามีตั้งแต่เดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา เพราะแม่ย่าตะเคียนทองเข้าฝันบอกหวย 121 จากนั้นตนถูกหวยมาตลอดทุกงวดแต่ตนเล่นไม่มาก

ด้านพระครูเกษมถาวรคุณ เจ้าอาวาสวัดบางเลน กล่าวตักเตือนนักเสี่ยงโชค ว่า อย่าหลงงมงายให้ขยันทำมาหากินเก็บออมแล้วจะมั่งมี
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบกรณีชาวบ้านพบต้นลิ้นฟ้าออกดอกมีลักษณะคล้ายพญานาค ณ บ้านเลขที่ 148 ม.6 บ้านหนองกอม ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร พบว่ามีชาวบ้านจำนวนมากกำลังขอโชคลาภจากต้นลิ้นฟ้า ซึ่งมีความสูงประมาณ 10 เมตร ยอดมามีลักษณะยาวเรียวคล้ายลำตัว ส่วนปลายช่อดอกเป็นหงอนคล้ายหัวพญานาคและมีสีเขียวคล้ายเกล็ดพญานาค

ด้านนายบัวเลียน ลีลาชัย อายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ปลูกต้นลิ้นฟ้ามาประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมาออกดอกปกติ เหมือนธรรมชาติทั่วไป แต่ช่วงออกพรรษาเริ่มเห็นยอดที่เป็นช่อดอกออกมาผิดปกติ กระทั่งโตขึ้นเรื่อยๆ จึงเห็นว่ามีลักษณะคล้ายหัวพญานาค เมื่อชาวบ้านทราบเรื่องจึงมากราบไหว้บูชาตามความเชื่อ

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

จระเข้ยักษ์โดดงาบชิ้นเนื้อ

จระเข้ยักษ์



          เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ เปิด เผยภาพสุดอึ้ง จระเข้ขนาดมหึมาโดดงับชิ้นเนื้อจิ๋ว สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวบนเรือล่องแม่น้ำในออสเตรเลียเป็น อย่างมาก
          โดย ภาพดังกล่าวนี้ ถูกถ่ายจากบนเรือล่องแม่น้ำแอดิแลด เมืองดาร์วิน ขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเพลิดเพลินกับการล่องเรือท่องเที่ยว ไกด์ก็ได้เตรียมเนื้อควายไว้ ก่อนจะยื่นมันออกไปนอกเรือ และเจ้าบรู ตัส จระเข้ยักษ์อายุกว่า 80 ปีตัวนี้ ก็กระโจนขึ้นมาจากน้ำ เพื่องับชิ้นเนื้อขนาดจิ๋วเมื่อเทียบกับตัวมัน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวหลายคนบนเรือเป็นอย่างมาก เนื่องจากมันโผล่ขึ้นมาในระยะกระชั้นชิด เฉียดเรือเพียงนิดเดียว ขณะที่ แคทเธอรินา บริดจ์ฟอร์ด ช่างภาพหนังสือพิมพ์ที่ไปล่องเรือพักผ่อนกับลูก ๆ ก็รีบแชะภาพเก็บวินาทีสุดตื่นตะลึงนี้ไว้ ซึ่งเธอก็อธิบายว่า เธอไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้เลย มันโผล่ขึ้นมาใกล้มาก
          อย่างไรก็ดี ภาพดังกล่าวนี้ดูจะไม่แปลกตาสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น รวมถึงไกด์นำเที่ยวด้วย เพราะเจ้าบรูตัส จระเข้ยักษ์ตัวนี้อาศัยอยู่ในบริเวณนี้มานานแล้ว ขณะที่ขาหน้าของมันขาดไปข้างหนึ่ง โดยมีการสันนิษฐานกันว่า มันอาจถูกฉลามกัด ซึ่งเมื่อจินตนาการดูแล้ว ก็เห็นทีว่าฉลามที่กัดมันคงมีขนาดใหญ่มหึมากว่ามันไม่น้อยเลย

          ทั้งนี้ กิจกรรมล่องเรือให้อาหารจระเข้นี้ เป็นกิจกรรมที่แม้จะดูเสี่ยงอันตราย แต่ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยบริเวณดังกล่าวจะมีจระเข้น้ำเค็มอาศัยอยู่นับพันตัว และคงไม่ต้องเดาเลยว่าแต่ละตัวมีขนาดใหญ่แค่ไหน ซึ่งทางการก็ได้ปักป้ายห้ามเตือนประชาชนลงเล่นน้ำ หรือตั้งแคมป์ริมฝั่งแม่น้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากจระเข้ หลังจากหลายปีที่ผ่านมา มีประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ถูกลากตัวลงไปในน้ำมาหลายรายแล้ว

เรื่องแปลกๆ กลุ่มเมฆรูปหน้าคนปรากฎในแคนาดา

เหมือนเป๊ะ!! กลุ่มเมฆรูปหน้าคนปรากฎในแคนาดา

ธรรมชาติ มักมีเรื่องที่อยู่เหนือการคาดหมายให้เห็นเสมอ เช่นเดียวกับในประเทศแคนาดา ที่ล่าสุดมีกลุ่มเมฆขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น แถมยังก่อตัวเป็นรูปหน้าคนให้เห็นอย่างชัดเจนอีกต่างหาก !!

 
          เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ รายงานว่า กลุ่มเมฆที่ว่านี้ปรากฎให้เห็นที่รัฐนิวบรันสวิกค์ ในประเทศแคนาดา และได้รับการเปิดเผยจากคลิป ๆ หนึ่งที่ถ่ายโดย นายเดนิส ฟาร์เมอร์ ซึ่งถ่ายวิดีโอกลุ่มเมฆนี้ไว้จากบริเวณสวนหลังบ้านของเขา ก่อนที่จะนำไปโพสต์บนเว็บไซต์ยูทูบในเวลาต่อมา

          สำหรับก้อนเมฆที่บอกว่าเหมือนหน้าคนแบบเป๊ะ ๆ นั้น เราไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด เพราะจากภาพวิดีโอดังกล่าวนั้น แสดงภาพของก้อนเมฆที่เป็นรูปหน้าคนในส่วนที่เป็นด้านข้างจริง ๆ ทั้งหน้าผาก แก้ม จมูก ปาก คาง มาให้เห็นกันแบบชัดเจน และปรากฎให้เห็นอยู่นานหลายนาที ก่อนที่จะเปลี่ยนรูปทรงไปในที่สุด

 
          ทั้งนี้ จากคลิปวิดีโอดังกล่าวก็มีผู้คนคลิกเข้าไปชมบนเว็บไซต์ยูทูบแล้วไม่ต่ำกว่า 15,000 ครั้ง แถมยังมีคอมเมนท์เกี่ยวกับก้อนเมฆที่แตกต่างกันไป บ้างก็ว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ บ้างก็วิจารณ์เกี่ยวกับรูปหน้าที่เห็น บางรายคอมเมนท์ไว้ว่านี่คือสาส์นจากพระเจ้าที่ต้องการจะสื่อให้ชาวโลกได้รู้ บางคนคอนเมนท์แบบแหวกแนวเน้นความฮาว่ารูปหน้าที่เห็นคือ "โวลเดอมอร์" ตัวละครจากวรรณกรรมสุดฮิต "แฮร์รี่ พ็อตเตอร์" ก็มีด้วยเหมือนกัน

          และเพื่อเป็นการยืนยันว่าก้อนเมฆดังกล่าวเหมือนหน้าคนจริง ๆ ตามที่เราว่ามา เชิญรับชมและพิสูจน์ด้วยสายตาของคุณเองได้จากคลิปที่อยู่ด้านล่างนี้ได้ เลย...

หมู 8 ขา ชาวบุรีรัมย์ แตกตื่น แห่ดูลูกหมู 8 ขา

หมู 8 ขา


ชาวบุรีรัมย์ แตกตื่น!แห่ดูลูกหมู 8 ขา (ไอเอ็นเอ็น)

          ปชช.บุรีรัมย์ นับร้อย ตื่นแห่ดูลูกหมูเพศผู้ประหลาดคลอดออกมามี 1 หัว 2 หาง 3 หู มีขา 8 ขา สุดท้ายเสียชีวิต ขณะเจ้าของเชื่อจะนำโชค
          ชาวบ้าน ต.บ้านจาน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา ต่างพากันแตกตื่นแห่ดูลูกประหลาด เพศผู้ ซึ่งเพิ่งคลอดใหม่มีรูปร่างแปลกประหลาดกว่าลูกหมูทั่วๆ ไป คือ มีหัวเดียว 8 ขา 2 หาง 3 หู ของนายเข็มชาติ และนางนงลักษณ์ ชัยไธสง อายุ 50 ปี ที่บ้านเลขที่ 199 หมู่ที่ 7 บ้านจาน ต.บ้านจาน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์

          โดยนางนงลักษณ์ ภรรยาเจ้าของหมูเปิดเผยว่า "ตนเลี้ยงหมูมาหลายครอกแล้ว แต่ไม่เคยเจอแบบนี้ ซึ่งตนมีหมูแม่พันธุ์ทั้งหมด 2 แม่ หมูแม่พันธุ์ตัวนี้ ได้คลอดลูกออกมาแล้ว 4 รุ่น ท้องนี้เป็นรุ่นที่ 5 โดยเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ พวกชาวบ้านต่างพากันออกไปร่วมงานที่อำเภอกันหมด เป็นช่วงเวลาที่แม่หมูกำลังจะคลอดลูก ตนจึงทำคลอดคนเดียว และคลอดออกมาทั้งหมด 11 ตัว ตัวผู้ 4 ตัว ตัวเมีย 7 ตัว ซึ่งตายไป 3 ตัว เป็นตัวผู้ทั้งหมด คงเหลือลูกหมูอีก 8 ตัว 
          สำหรับลูกหมูที่ออกมา 8 ขา ตนเสียดายที่ออกมาแล้วเสียชีวิต ซึ่งตนจะดองเก็บไว้ และเชื่อว่าลูกหมูตัวดังกล่าว จะนำโชคลาภมาสู่ครอบครัว นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันแห่นำธูปเทียน มาจุกราบไหว้เพื่อขอโชคลาภ จากลูกหมูประหลาดดังกล่าวอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในช่วงใกล้วันหวยออก

เมาหนัก เรื่องแปลก ชายมะกันเมาหนัก ไล่กัดงูจนเลือดอาบ

คนเมา



การเย็บงู

  คนเรานี่พออยู่ในอาการมึนเมาทีไร ชอบทำอะไรแผลง ๆ อยู่เสมอ ๆ มาคราวนี้ฤทธิ์น้ำเมาก็สร้างเรื่องอีกครั้ง เมื่อมีชายชาวอเมริกันรายหนึ่งเมาหนัก ถึงขั้นไล่กัดงูจนเลือดอาบเลยทีเดียว !!

            เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่เมืองซาคราเมนโต้ ของสหรัฐฯ โดยชายคนนี้มีชื่อว่า เดวิด เซงก์ ซึ่งอายุอานามก็ 54 ปีเข้าให้แล้ว ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังได้รับแจ้งเหตุมีชายเมามายไม่ได้สติ นอนอยู่บนพื้นโดยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด พร้อมงูหลามยาวประมาณ 1 เมตรกว่า ๆ อยู่ข้างกาย

            เจ้าหน้าที่ตำรวจแอนดริว เพ็ตทิต ผู้รับแจ้งเหตุได้เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ทันทีที่ไปถึง ก็พบนายเซงก์นอนไม่ได้สติ มีกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งพร้อมเลือดเต็มใบหน้า แต่ทว่าข้าง ๆ กันนั้น ก็มีงูหลามตัว หนึ่งอยู่ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บเหมือนโดนกัดอยู่ใกล้ ๆ กัน ทางเจ้าหน้าที่เลยตัดสินใจ ควบคุมตัวนายเซงก์ไว้สอบปากคำและนำเจ้างูหลามไปรักษาบาดแผลในทันที

            เช้าวันต่อมาเมื่อนายเซงก์สร่างเมาได้สติกลับคืนมาก็ให้การกับทางเจ้า หน้าที่ว่า เจ้างูหลามตัวนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาเอง โดยเหตุเกิดจากการที่เขาดื่มของมึนเมาไปเยอะมาก จึงทำให้เกิดอาการเมามายขึ้น และเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่จนไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ นับจากนั้นอีกเลย ซึ่ง จากคำให้การนี่เอง ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตัดสินใจดำเนินคดีกับนายเซงก์ด้วยข้อหาทำร้ายสัตว์ให้ ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นความผิดตามกฏหมาย พร้อมกันนี้ก็ยังโดนปรับเงินไปอีกราว ๆ  300,000 บาทอีกด้วย

            ส่วนใครที่เป็นห่วงเจ้างูหลามเคราะห์ร้ายตัวนั้น ก็สบายใจได้ เพราะ ณ ตอนนี้มันยังคงมีชีวิตอยู่ ได้รับการรักษาเย็บแผลจากสัตวแพทย์เป็นที่เรียบร้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จากบาดแผลช่วงลำตัวที่มันถูกนายเซงก์กัด ก็ทำให้เนื้อส่วนนั้นแหว่งหายไปเยอะพอสมควรเลยทีเดียว

            นี่ล่ะน้า.. เขาถึงได้บอกว่าการดื่มของมึนเมาเป็นสิ่งไม่ดี ไม่เคยสร้างประโยชน์ใด ๆ ให้เลย มีแต่เสียกับเสีย เห็นทีงานนี้คงทำให้นายเซงก์ได้เข็ดหลาบกับการดื่มของมึนเมาไปอีกนานแน่ ๆ !!

Pygmy Marmoset (ปิ๊กมี่ มาร์โมเสท) ลิงตัวเล็กที่สุดในโลก



ไม่ ใช่ว่าบนโลกใบนี้จะมีแต่คนเท่านั้น ที่จะมีสรีระร่างกายที่ตัวเล็กที่สุดในโลก หากแต่ยังมีสัตว์ที่ตัวเล็กที่สุดในโลกอย่างลิงอาศัยอยู่ด้วย แถมยังได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วด้วยว่า เป็นลิงที่ตัวเล็กที่สุดในโลกอีกด้วย

          เจ้า จ๋อตัวจิ๋วที่ว่านี้เป็นลิงพันธุ์ "ปิ๊กมี่ มาร์โมเสท" (Pygmy Marmoset) หรือเรียกกันง่าย ๆ ว่าลิงแคระมาร์โมเสท ส่วนที่บอกว่าเป็นลิงที่ตัวเล้กที่สุดในโลกนั้นก็เพราะว่า ลิงแคระมาร์โมเสทมีขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดเพียงแค่ 13 เซนติเมตรเท่านั้น แถมยังมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยเพียงแค่ 130 กรัม หรือถ้าจะให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็เบากว่าผลแอปเปิ้ล 1 ลูกนั่นเอง

          ลิงแคระมาร์โมเสท เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะพบเจอในเขตป่าฝนของประเทศในแถบอเมริกาใต้ ทั้ง บราซิล โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เปรู และโบลิเวีย ทั้งนี้ หลาย ๆ คน มักจะเรียกลิงแคระมาร์โมเสทมากมายหลายชื่อ ทั้ง ลิงกระเป๋า ลิงนิ้วมือ และอื่น ๆ เยอะแยะมากมาย และด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของมันนี้เอง จึงทำให้มีผู้คนมากมายอยากจะเอามันไปเป็นสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะเหล่านักเลี้ยงสัตว์หายากด้วยแล้ว ยิ่งอยากจะได้ลิงแคระมาร์โมเสทไปเลี้ยงกันมากมายเลยทีเดียว

          ทั้ง นี้ ลิงแคระมาร์โมเสท ถือเป็นสัตว์ที่มีราคาค่าตัวที่ค่อนข้างจะสูงเอาการ เมื่อเทียบกับขนาดตัวของมัน เนื่องจากมันเป็นที่กล่าวถึงและได้รับความนิยมอย่างมากในโลกของอินเทอร์เน็ต และสัตว์เลี้ยงของคนมีสตุ้งสตางค์ โดยบาง ตัวมีราคาสูงถึงกว่า 100,000 บาทเลยด้วย แถมในปัจจุบัน ประเทศไทยเราเอง ยังมีทั้งผู้ที่ได้รับอนุญาตนำเข้ามาจำหน่ายอย่างถูกกฏหมายและลักลอบเข้ามา ขายกันอย่างเยอะแยะมากมาย

ชายอินโดป่วยประหลาด เป็นเนื้องอกอัปลักษณ์ทั่วร่าง

เรื่องแปลก
 


          เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์เดอะซันของอังกฤษเปิดเผยเรื่องราวสุดน่าเห็นใจของชายชาวอินโดนีเซียรายหนึ่ง ที่ป่วยเป็นโรคประหลาด เป็นเนื้องอกตะปุ่มตะป่ำทั่วร่างกาย จนกลายเป็นคนอัปลักษณ์มายาวนานกว่า 30 ปี

          โดยชายรายนี้ คือ นายจันทรา วิศณุ ชาวอินโดนีเซียวัย 57 ปี ได้เริ่มป่วยด้วยภาวะเนื้องอกบนผิวตั้งแต่อายุได้เพียง 19 ปี ซึ่งในตอนนั้น เนื้องอกตะปุ่มตะป่ำนี้ได้เกิดขึ้นบนใบหน้าเท่านั้น แต่แล้วหลังจากนั้นมันก็ลามไปผุดที่แผ่นหลัง และทั่วร่างกายของเขาในลักษณะค่อย ๆ ลุกลามเรื่อยมา แม้ว่าจะไปพบแพทย์หลาย ๆ คนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแต่ก็ยังไม่มีแพทย์คนไหนสามารถรักษาหาย เนื้องอกประหลาดนี้ยิ่งผุดขึ้นทุกตารางนิ้วของร่างกาย จนกระทั่งนายจันทราอายุได้ 32 ปี ผิวหนังของเขาก็เต็มไปด้วยเนื้องอกตะปุ่มตะป่ำอย่างที่เห็น ซึ่งเจ้าตัวก็ต้องทำใจอยู่นานหลายปีกว่าจะยอมรับสภาพร่างกายของตัวเองและพยายามใช้ชีวิตเฉกเช่นคนปกติได้

          สำหรับภาวะผิวตะปุ่มตะป่ำของจันทรานั้น แพทย์ผิวหนังได้อธิบายว่า เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ไม่อาจรักษาหาย และอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบประสาทที่ทำให้เกิดเนื้องอกขึ้นตามผิวพรรณและกระดูก

          ส่วนทางด้านเจ้าตัว ก็ได้เปิดเผยถึงอาการผิดปกติของตัวเองว่า "ไม่มีการรักษาทางใดที่จะรักษาผมได้ ผมตระเวนหาหมอทุกที่และผลออกมาก็คือ ไม่มีใครรู้ว่าจะรักษาผมอย่างไร ผมจึงทำใจยอมรับ และไม่ไปหมออีก แต่โรคประหลาดนี้ก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตผมมากนะ เพราะเนื้องอกพวกนี้มันคันมาก และจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนในช่วงฤดูร้อนเป็นพิเศษ ก็ทรมานอยู่ไม่น้อยเลย"

          และหากจะถามถึงความรู้สึกของจันทรา ก็น่าเห็นใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาบอกว่าเจ้าโรคประหลาดนี้ทำให้เขาเป็นตัวน่ารังเกียจในสังคมไปเลย โดยจันทราได้เปิดเผยว่า "ผมต้องใส่แจ็คเก็ตถึง 3 ตัว แว่นกันแดดและสวมหมวกมิดชิดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน แต่มันก็ปิดไม่มิดหรอก และพอออกไปเจอผู้คน พวกเขาก็ไม่ได้เยาะเย้ยเหยียดหยันผมโดยตรงนะ แต่พวกเขาจะจ้องมองและพยายามขยับหนีไปห่าง ๆ ผมให้มากที่สุด เพราะพวกเขากลัวว่าจะติดโรคประหลาดนี้จากผม ทำให้หลายครั้งผมรู้สึกโกรธและรู้สึกแย่มาก ๆ ที่ผู้คนมีปฎิกิริยาต่อผมแตกต่างจากคนอื่น แต่ปฏิกิริยาของผู้คนที่มีต่อผมก็ไม่ได้ทำให้ผมหลบเลี่ยงจากการพบปะผู้คนเลย ผมใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ไปรับลูกที่โรงเรียนเหมือนพ่อคนอื่น ๆ แต่ก็จะพยายามใส่หมวกปิดใบหน้าเอาไว้เพราะกลัวเพื่อนลูกจะล้อเอานั่นแหละ"

          ส่วนทางด้านนานิค ตรี ฮาร์ยานี ภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 33 ปีของจันทรา ซึ่งถือว่าเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีที่สุดในโลก ได้เปิดเผยเกี่ยวกับอาการประหลาดของสามีว่า "ตั้งแต่จันทราเริ่มป่วยประหลาด เขาก็พยายามบีบให้ฉันไปจากชีวิตเขาและอย่ากลับมาอีก แต่ฉันยืนยันว่าไม่ไป การได้มองเห็นเขาพยายามต่อสู้กับโรคประหลาดนี้มาโดยตลอดทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ใช่คนอ่อนแอเลย"
         
          อย่างไรก็ดี แม้ว่าจันทราจะมีจิตใจที่เข้มแข็งที่สามารถต่อสู้และทำใจรับสภาพของตัวเองได้แล้ว แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้งให้เขามีเรื่องต้องทุกข์ใจเช่นเดียวกับตอนที่เริ่มเป็นเนื้องอกใหม่ ๆ อีกครั้ง เพราะขณะนี้ มาร์ติน อนันดา ลูกชายวัย 32 ปี และลิส จันทรา ลูกสาววัย 26 ปีของเขา ก็เริ่มมีเนื้องอกเล็กในลักษณะเดียวกับเขาผุดขึ้นตามผิวหนังเช่นกัน เขาจึงรวบรวมความกล้า เปิดเผยใบหน้าตัวเองและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในครั้งนี้ ด้วยความหวังลึก ๆ ว่า จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสักคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือลูก ๆ ของเขาจนหายดี ไม่ต้องแบกรับกับความอัปลักษณ์อย่างที่เขาเคยเป็นมาเกือบทั้งชีวิต
 

งูสองหัว รวมภาพงูสองหัว

หลายคนมองว่า งูสองหัวเป็นเรื่องแปลก ยิ่งหากเจอในหมู่บ้านตามต่างจังหวัดสักจังหวัด คงได้ แห่กันมาขอหวยกันเป็นร้อยเป็นพันเป็นแน่ วันนี้จะมานำภาพ งูสองหัวมานำเสนอกันว่า มันเป็นเรื่องแปลก ที่มีเยอะแล้ว
งูสองหัว
งูสองหัว
งูสองหัว
งูสองหัว

หมา 3 หัว 2 ขา เรื่องแปลก พบลูกหมาพันธุ์บางแก้ว มีสามหัวสองขา

หมา 3 หัว 2 ขา , หมาสามหัวสองขา
(25 ธ.ค.) เมื่อเวลา 05.30 น.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีแม่สุนัขออกลูกแปลกประหลาดกว่าธรรมชาติ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของนางบุญเกิด เพชรคาน อายุ 62 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 6 ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พบมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังมุงดูลูกสุนัขเพิ่งเกิดมาใหม่ เป็นลูกสุนัขเพศเมีย สีขาวดำ มีความแปลกประหลาด เนื่องจากมี 3 หัว และสองขาหลัง และำได้เสียชีวิตแล้ว จากการสังเกตพบว่า หัวลูกสุนัขที่เกินมานั้น จะอยู่ตรงบริเวณขาหน้าทั้งสองข้าง จึงทำให้ไม่มีขาหน้า
จากการสอบถามนางบุญเกิด กล่าวว่า ตนเลี้ยงสุนัขพันธุ์บางแก้วเอาไว้ 3 ตัว เป็นเพศผู้ 1 ตัว และเพศเมีย 2 ตัว ต่อมาสุนัขเพศเมียชื่อ โดนัท ตั้งท้องครบกำหนด และได้ออกลูกมาจำนวน 7 ตัว โดยลูกสุนัขตัวที่ 3 มีความแตกต่างจากลูกสุนัขตัวอื่น เนื่องจากมีหัว 3 หัว และมีขา 2 ขา ซึ่งเป็นขาหลัง ที่ผ่านมาก็ไม่เคยพบว่าจะมีลูกสุนัขออกมาผิดปกติแบบนี้มาก่อน ส่วนซากสุนัข ยังไม่รู้ว่าจะเก็บดองไว้ดู หรือฝังซากไปเลย เพราะคาดว่าหลังจากข่าวออกไป จะต้องมีชาวบ้านมาขอดูจำนวนมาก