วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ต้นไม้ที่แปลกที่สุดในโลก

ชุดเจ้าสาวที่แปลกที่สุดในโลก

1 Bridal gown-zilla


ดีไซน์โดย ชาวญี่ปุ่น ยูมิ คัตซึระ ปี2010  (ประหลาดตรงไหนหว่า?)

2 Belly blast

ใครชอบแนว เปิดพุง เลือกแบบนี้ได้ เป็นงานเดินแฟชั่นชุดแต่งงานปี2008 จัดที่ดูไบ  (ท้องเย็นฉิว)

3 Sheer subtlety

ถ้าชอบแบบซีทรูวาบหวิวเล็กน้อย ก็แนะนำชุดนี้ มาจากงาน Wedding Expo ของบัลเกาเรีย 2008   (หู!  ที่ตรงนั่นเป็นเส้นๆเลย!!)

4 Hats off

มาจาก งาน Carolina Herrera Bridal Collection 2008  (เเม่ชีชัดๆ )

5 Punch out

สำหรับ สาวๆนักมวยที่อยากจับแฟนหนุ่มให้อยู่หมัด เราขอแนะนำชุดนี้ เป็นชุดออกแบบโดย วิเวียน เวสต์วู้ด และนำแสดงโชว์ในสนามมวยที่กรุงโตเกียว  (เอาไปชกผัว)

6 Gaga worthy

ออกแบบโดย คาร์ล ลาเกอร์ฟอร์ดครับ มาจากชาแนล โชว์ที่ปารีส ปี2009 และไม่ใช่คอลเล็คชั่นของเลดี้กาก้านะ  (....)
7 Puff perfect

ออกแบบโดย คาร์ล ลาเกอร์ฟอร์ดครับ มาจากชาแนล โชว์ที่ปารีส ปี2009เช่นเดียวกัน (คนหายไป!!)

8 Little bride peep

ออกแบบโดยยูมิ คัตซึระ(คนที่ออกแบบชุดที่1) ปี2010 เหมาะกับคุณแม่แอ๊บแบ๊วเหมือนหนูน้อยหมวกแดง(แต่หน้าคงไม่ให้แล้วล่ะ)

9 Shimmery Gold Gown

ออกแบบโดย อัลเบอร์โต้ โรดริเกซ เป็นงานแฟชั่นโชว์ของเมอร์ซิเดซ เบนซ์ที่ เม็กซิโก ปี 2009  (......)

10 Tutu-much

จากหน้าตาก็พอรู้ว่า เป็นของทางโซนเอเชียเรา อันนี้เป็นงานของดีไซน์เนอร์จีน ปี 2009(ผ้าตรงหน้าอกมันรองรับอะไรได้มั่งคะ?)

11 Multi-layered

 จัดที่สโลวาเกีย และคนนี้ก็เป็นนักร้องของที่โน่น ชื่อว่า Sisa Sklovska  (หน้าท่านมัน...)

12 Tube tied

เนื้อมนุษย์ที่ปาปัว นิว กินี

เนื้อมนุษย์ที่ปาปัว นิว กินี


และก็ มาถึงอันดับหนึ่งของเรา ที่ปาปัว นิว กินี เวลามีใครตายขึ้นไม่ว่าจะเป็นญาติของตน หรือคนต่างเผ่าที่ตกอยู่ในครอบครองของตน เขาจะไม่นำศพไปฝังหรือเผา แต่จะนำศพไปไว้บนตะแกรงที่ยกพื้นสูงขนาดท่วมหัว ปล่อยให้ศพอยู่ในสภาพนั้นจนขึ้นอืด เกิดน้ำเหลืองเยิ้มไปทั้งตัวดีแล้ว ก็จะเข้าป่าหาใบไม้ที่เป็นเครื่อง เทศเอามาพับเป็นกระทงเล็กๆ (คงอย่างที่เตรียมใบชะพลูจะกินกับเมี่ยง) เหมาะที่จะมีขนาดกินคำเดียว แล้วก็เชิญพรรคพวกเพื่อนฝูงให้มารวมกันอยู่ใต้ตะแกรงศพนั้น นำเอาไม้ปลายแหลมแทงศพให้เป็นรู ให้น้ำเหลืองไหลย้อยออกมา นำกระทงใบไม้ที่เตรียมไว้ รองรับน้ำเหลืองนั้น พอได้มากดีแล้วก็กินทั้งน้ำเหลืองและใบไม้ กินกันจนไม่มีน้ำเหลืองแล้วก็นำศพนี้ไปต้มซุปกับผักต่างๆ กินกันต่อไป แต่ถ้าจะกินมนุษย์ที่สะใจที่สุดต้องยกให้ชนเผ่า โดโบดูรัส นิยมจับเหยื่อที่ล่ามาได้มากินแบบเป็นๆ นั้นคือต้องทรมานเหยื่อจนใกล้จะตายแต่ไม่ให้ถึงตาย จากนั้นก็เจาะกะโหลกให้เป็นรูลึกๆ เสียก่อน แล้วค่อยสอดไม้เล็กๆ ที่มีปลายแบบชอนเข้าไปตักสมองออกมากิน เหยื่อก็ดิ้นไปดิ้นมา ดูแล้วน่ารักอย่างยิ่ง...

ซุปตัวอ่อนมนุษย์

ซุปตัวอ่อนมนุษย์


เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงน่ะครับ เพียงแต่รูปที่นำมาเป็นของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เมนูนี้เป็นอาหารเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้นน่ะครับ มันมีขายอยู่ที่เฉินเซ่น ประเทศจีน การกินตัวอ่อนของมนุษย์ หรือทารกที่เพิ่งคลอดนั้นเป็นความเชื่ออย่างลับๆ ว่า จะช่วยเพิ่มคุณค่าอาหารหลายอย่างในหมู่ชาวจีน นั้นก็คือทำให้ผิวสวยเนียน ร่างกายแข็งแรงต้านทานโรค และที่เชื่อกันมากก็คือช่วยบำรุงไตได้ดีสำหรับวิธีการทำก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่เอาเด็กทารกแรกคลอด หรือเด็กที่ตายจากการทำคลอด ยิ่งเป็นเด็กผู้ชายยิ่งดี(เขาบอกว่ามีคุณค่าทางอาหารสูง) มาสับ มาเคี่ยวเป็นซุปและใส่เนื้อหมูลงไปเป็นอันเสร็จ………..รสชาติเหมือนซุปสมุนไพร อย่างไรก็ตามการนำเด็กทารกมาทำตุ๋นยาจีนเป็นอาหารที่ประเทศจีนนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย ทำให้เมนูนี้ ต้องมีการสั่งเป็นพิเศษ หรือไม่ก็แอบทำให้กับพวกที่อยากรับประทานอาหารแบบพิสดาร แบบนี้

ขนมพายครีบแมวน้ำ

ขนมพายครีบแมวน้ำ


ชาวนิวฟาวด์แลนด์กินพายที่มาจากครีบแมวน้ำนั้นถือว่าเป็นสิ่งวิเศษ และต้องกินก็ได้ถ้ามีโอกาส และด้วยเหตุนี้ส่งผลให้แต่ละปีจะมีแมวน้ำมากมายมหาศาลต่างถูกจับตัวขึ้นมา ตัดครีบทั้งสองข้าง จากนั้นก็ถีบลงเรือและปล่อยให้จมน้ำตายในทะเลไปอย่างน่าสมเพชที่สุด ในภัตตาคารใหญ่ๆ หลายต่อหลายแห่งก็มีเมนูชนิดนี้เปิดขายทั้งแบบปกปิดและเปิดเผย เพราะนานาประเทศยังต่อต้านเมนูนี้อยู่

หัวแกะสด-ต้ม

หัวแกะสด-ต้ม


จากหลายประเทศรอบทะเล เมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมนูที่คุ้นเคยอย่างยิ่งของชาวเมืองแถบนั้นว่ากันว่าหัวแกะถือว่าเป็น อาหารสุดยอดของแกะ เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ของชาวยิวที่เรียกว่า รอช อาแชน่า หัวแกะถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับความหมายที่ว่า ใครก็ตามได้กินหัวแกะนั้นจะได้รับโชคดีในวันปีใหม่ที่จะมาถึง แต่ถ้ากินลูกนัยตาของลูกแกะเข้าไปย่อมโชคดีมากขึ้นไปอีก ส่วนรสชาติหลายๆ คนให้ความเห็นว่า “เค็มเหลือเกินพับผ่า”

สตูค้างคาว



อาหารขึ้นชื่อของเวียดนาม ประเทศที่กำลังเจริญกว่าไทยน่ะแหละ ขายดิบขายดี แถมยังหรูและหายากมาก โดยเฉพาะเมืองหลวงไซ่งอนน่ะมันอยู่ในระดับภัตตาคารหรูเท่านั้น ซึ่งชาวเวียดนามเชื่อกันว่าเนื้อค้างคาวคือราชันย์แห่งเนื้อทั้งปวง การกินน่ะหรือ ทำได้หลายวิธี เช่นทำซุป หรือนำมาสับเป็นชิ้นๆ เคี้ยวเป็นสตู หรือไม่ก็ใช้มีดคมๆ ตัดหัวค้าวคาวทันที จากนั้นก็รีดเลือดที่หยดจากร่างไร้หัวใส่แก้วเปล่าแล้วดื่มกินสดๆ ทันที

ปลาดุกกินไม้ (Wood-Eating Catfish)

ปลาดุกกินไม้ (Wood-Eating Catfish) ความแปลกประหลาดของเจ้าปลาดุกตัวนี้คือนิสัยการกินของมัน ที่มันจะมักกินต้นไม้ที่โค่นลงไปในแม่น้ำซานตาอานา ในประเทศเปรู เป็นอาหาร โดยมีฟันที่เป็นเอกลักษณ์ ขูดเอาสารอินทรีย์จากต้นไม้ใต้น้ำ
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การย่อยอาหารที่แปลกกว่าปลาทั่วไปน่าจะเพราะ พวกมันต้องมีจุลินทรีย์ที่ช่วยพวกมันย่อยไม้ ทำให้ย่อยอาหารได้ภายในเวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมง พบมากในป่าฝนของอเมซอน ในทวีปอเมริกาใต้

ลิงจมูกบี้ (Sneezing Snub-Nosed Monkey)

ลิงจมูกบี้ (Sneezing Snub-Nosed Monkey)เจ้าลิงจมูกบี้ตัวนี้ถูกพบในแถบคะฉิ่นของประเทศพม่า จุดเด่นของมันคือ มีเคราสีขาว ตัวเล็ก ปลายหูรวมทั้งหางของมันค่อนข้างยาว นอกจากนี้สายฝน ยังทำให้มันสามารถจามได้เหมือนมนุษย์
เหตุนี้เองทำให้มันมักใช้เวลาในวันฝนตกด้วยการซุกหัวอยู่ในเข่าของตัวเองตลอด การค้นพบดังกล่าวไม่เคยพบในพม่ามาก่อน เพราะมันเคยถูกพบในจีนและเวียดนาม คาดว่าการที่ถูกนายพรานล่าตัวทำให้มันใกล้สูญพันธ์ุ

ทากนินจา (Ninja Slug)

ทากนินจา (Ninja Slug)ด้วยความยาวของหางที่ยาวกว่าส่วนหัวถึง 3 เท่า เจ้าทากตัวนี้จึงได้รับขนานนามว่า ทากนินจา เป็นสัตว์สายพันธ์ใหม่ที่พบในแถบภูเขาสูงของเกาะบอร์เนียวตอนบนของประเทศมาเลเซียเท่านั้น ซึ่งการสืบพันธ์ของมัน จะมีการยิงศรรักที่เกิดจากสารแคลเซียมคาร์บอเนตในร่างของมัน เคลือบฮอร์โมน เป็นอาวุธในการผสมพันธ์ได้เป็นอย่างดี

ค้างคาวโยดา (Yoda Bat)



ค้างคาวโยดา (Yoda Bat)ดูเผินๆแล้วนี่คงจะเป็นค้างคาวผลไม้ทั่วๆไป และยังไม่มีการยอมรับว่ามันเป็นสัตว์สายพันธ์ใหม่ แต่นักวิทยาศาสตร์ในปาปัว นิวกินีพบว่า มันมีจมูกเป็นหลอด โดยมันมีความสำคัญต่อระบบนิเวศแถบป่าฝนเขตร้อน
จนกระทั่งในเวลาต่อมาก็ได้รับการยอมรับว่ามันเป็นหนึ่งในสัตว์ที่พบใหม่ทั้ง 200 ชนิด ที่ปาปัวนิวกินี และถูกยกให้เป็นหนึ่งในสัตว์แปลก 10 อันดับแห่งปี

2. ปลาหมึกยักษ์สีม่วง(New Purple Octopus)

2. ปลาหมึกยักษ์สีม่วง(New Purple Octopus)
หนึ่งใน 11 สัตว์น้ำสายพันธ์ใหม่ที่มีการค้นพบ  ซึ่งนักวิจัยได้ทำการสำรวจทะเลน้ำลึกนอกชายฝั่ง มหาสมุทรแอตแลนติกของแคนาดา โดยใช้ยาน”โรพอส” (ROPOS)ในการสำรวจนานถึง 20 วัน ซึ่งหนึ่งในสัตว์ที่พบก็คือ เจ้าปลาหมึกยักษ์สีม่วงตัวนี้

1. ปลิงที-เร็กซ์(T. Rex Leech)

1. ปลิงที-เร็กซ์(T. Rex Leech)
ความโดดเด่นของมันก็คือ เป็นปลิงดูดเลือดที่มีขนาดยาวถึง 7 ซม.มีฟันขนาดใหญ่คล้ายกับไดโนเสาร์ โดยนักวิทยาศาสตร์ พบว่ามันใช้ฟันขนาดใหญ่เจาะเปิดรู บนร่างของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพื่อดูดเลือดเป็นอาหาร อาศัยอยู่ในแถบป่าอะเมซอน
โดยก่อนหน้านี้พบว่ามันไปอยู่ใน “รูจมูก” ของเด็กสาวชาวเปรูคนหนึ่ง ทำให้นักวิจัยนำไปตรวจสอบ จนกระทั่งทราบว่าเป็นปลิงดูดเลือดยักษ์ จนได้ฉายาว่า “ไทแรนนอบเดลลาเร็กซ์” (Tyrannobdella rex) หรือปลิงจอมทรราชย์ นอกจากนี้ยังมีอวัยวะเพศที่สั้นกว่าปลิงทั่วไปถึง 10 เท่า ความแปลกของมันจึงถูกยกไว้เป็นหนึ่งใน 10 สัตว์แปลกแห่งปี

ชื่อคนที่แปลกที่สุดของประเทศไทย

สายใจ เกาะมหาสนุก

สมศักดิ์ หวังกระแทกคาง

หวังนที จู๋ยืนยง

ณรงค์ ถนัดใช้ปืน

กันภัย สูญสิ้นภัย

อูโน่ หลาวทอง

ท้ายรถ (ชื่อคน)

อธิป จู๋กระจ่าง

ศักดิพันธ์ ชอบนอนหงาย

บรรจง หนึ่งในยุทธจักร

กนกกร เม่งเวหา

รรรรรร (อ่านว่า ระ-รัน-รอน)

ท่านฮ่องเต้ สมลุนาวัน

นารัตน์ พัดลม

พล.อ.การุณ เก่งระดมยิง

ลำเทียน จ้องผสมพันธุ์

มนศักดิ์ กางมุ้งคอย

นส. ชะรอยจุติมา (ชื่อ)

นส. แลคโตเย่น (ชื่อ)

ดินทะยาน แจงใส

สร้อยเหม็น ฟางน้อย

ไพรัตน์ หม้อน้ำร้อน

ภาคภูมิ ด้วนรู้ที่

หรูหรา ออมตอง

วรุณนาโศรก จันทรคดี

หรินาท ปรปักษ์เป็นจุล

ชัยยศ พรหมจารีย์พินาศ

ชาติหมา(ชา-ติ-หะ-มา) นามสกุลพระราชทาน

วรต อกระโทก

(ชื่อ)บริสุทธิ์ (ตอนโทรศัพท์ มักถามว่า...บริสุทธิ์อยู่มั้ย?)

นักรบ ชนะราวี (พี่)

สงคราม ชนะราวี (น้อง)

นิธินัย เหินเวหา

ติ๊บ บุญนำ

แคน อัครฮา

อ๊อด ไชโย

บารมี สมาธิปัญญา

(ชื่อ)บานพับ

บรรพต เจ็ดพี่น้องร่วมใจ

ชาติชาญ เล่นเอาขำ

บุญศรัทธา มหามงคล

หินชนวน อโศก

บุญพอ มีเท

จันมี โถรองมูล

(ชื่อ)สามศร (อันนี้ครูฝรั่งเรียกแล้วฮามากก"สำส่อน")

นนนที ปล้ำกะโทก

การหาญ โดนอม (อ่านว่า โด-นอม)

อาวุธ สงคราม

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พิลึก"ใบมะม่วง" ใหญ่เท่าใบกล้วย

ชาวบ้านร่ำลือกันว่า พบใบมะม่วงแปลกเหนือปรากฏการณ์ธรรมชาติ มีขนาดใหญ่เกือบเท่าใบกล้วย เกิดจากต้นที่ปลูกอยู่ข้างกุฏิกำลังก่อสร้าง ของสำนักสงฆ์สระแห้ง หมู่ที่ 1 ต.โนนพลวง อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร 

         



เมื่อไปดูก็พบชาวบ้านนับร้อยคน กำลังล้อมวงกันจุดธูปกราบไหว้บูชา ต้นมะม่วงที่ถูกล้อมกั้นเขตพื้นที่ด้วยผ้าเหลืองไว้อย่างดี มีขนาดลำต้นสูงเพียง 120 ซ.ม. ชาวบ้านได้ช่วยกันลองใช้ตลับเมตรวัดขนาดของใบมะม่วงใบหนึ่งจากใบมะม่วงทั้งหมดที่มีติดในลำต้น นับได้ 49 ใบ ที่มีขนาด ยาวกว่า 71 ซ.ม. กว้าง 21 ซ.ม.

แม่ชีฉายศรี ตันตินฤภัย อายุ 58 ปี ผู้ปฏิบัติธรรมรักษาศีลและคอยดูแลสำนักสงฆ์สระแห้งที่มีอาณาเขต 50 ไร่ แห่งนี้มากว่า 8 ปี บอกว่า ต้นมะม่วงดังกล่าวได้นำมาจากกระถางที่วางระเกะระกะอยู่ภายในที่เพาะชำต้นไม้ของสำนักสงฆ์ที่อยู่บริเวณกุฏิที่สร้างมากว่า 2 ปียังไม่แล้วเสร็จเหตุเพราะผู้รับเหมาทิ้งงานและหนีงานไป

สังเกตเห็นต้นมะม่วงต้นนี้มากว่า 2 เดือนแล้วว่ามีใบมะม่วงใบหนึ่งใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่ทราบว่าจะเป็นมะม่วงพันธุ์อะไร บางคนก็ว่าเป็นมะม่วงกะล่อน บางคนก็ว่าเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้ จนถึงวันนี้ชาวบ้านที่ทราบเรื่องก็พากันมาดู ร่ำลือกันไปต่างๆ นานา จนพัฒนามาเป็นเรื่องปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติไปในวันนี้

คุณยายกัน เกตุแก้ว อายุ 70 ปี ชาวบ้านหนองหลวง กล่าวว่า ทราบข่าวก็เดินทางมาดู ไม่เคยเห็นใบมะม่วงที่ไหนใบใหญ่เท่านี้มาก่อนเลย อายุก็มากขนาดนี้แล้ว เป็นเรื่องที่แปลกอยู่เหมือนกัน เรียกว่าทั้งชีวิตก็เพิ่งได้พบได้เห็น

อย่างไรก็ตาม พระทองหนัก กตสาโร หัวหน้าสำนักสงฆ์สระแห้ง ผู้เป็นคนปลูกมะม่วงต้นดังกล่าวแต่ไม่ทราบว่าเป็นมะม่วงพันธุ์อะไร ได้กล่าวเตือนชาวบ้านที่พากันมาจุดธูปบูชาใบมะม่วงยักษ์ใหญ่นี้ว่า จงใช้สติและปัญญา พัฒนา อย่าหลงและงมงาย

ฟังพระท่านกันหน่อย สติปัญญาจะเกิด!!

"โค้กทอด" ของแปลกสำหรับหน้าร้อน



(D)
"โค้กทอด" ของแปลกสำหรับหน้าร้อน



เจ้าของไอเดีย “โค้กทอด” คือ อเบล กองซาเลส
นักวิเคราะห์หนุ่มวัย 36 ปี จากดัลลัส
ซึ่งเขาสามารถพิชิตรางวัลสุดยอดไอเดียสร้างสรรค์ ในงานมหกรรมอาหารที่รัฐเท็กซัสได้สำเร็จ
หลังโชว์ไอเดียบรรเจิดคิดค้นเมนูใหม่แหวกแนว “โค้กทอด” ออกมาให้นักชิมได้ลิ้มลอง “มันรสชาติเยี่ยมมาก” ซูดดิง โฆษกหญิงของงานมหกรรมอาหารแห่งรัฐเท็กซัสกล่าว
วิธีการทำ “โค้กทอด”
ใช้ส่วนผสมของแป้งกับน้ำโค้กมาผสมให้เข้ากัน
ปั้นเป็นลูกกลมๆ จนขนาดเท่าลูกปิงปอง
จากนั้นก็นำไปทอดในน้ำมันจนได้ที่ จึงนำมาใส่แก้ว
แต่งหน้าด้วยวิปครีม ราดด้วยน้ำเชื่อมสตรอเบอรี
ตกแต่งด้วยผลสตรอเบอรีอีกเล็กน้อย เพียงเท่าก็เรียบร้อยแล้ว

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

หินเเปลกและสวย

.
.
.
.
.

พายุหัวใจ

คุณตาชื่อเเปลก

หนุ่มซูดาน แต่งงานกับแพะสาว




นสพ.จูบาโพสต์ รายงานข่าวนี้ฉบับแรก ต้นสาย ปลายเหตุ คือ ชาวบ้านแอบเห็นนายชาร์ลส์ทำบัดสีบัดเถลิงไม่อับอายผีสางเทวดา... ลักลอบข่มขืนใจสมสู่กับสัตว์สี่เท้า “แพะเพศเมีย” ชื่อ โรส จึงนำความแจ้งคณะผู้อาวุโสของท้องถิ่น

นายชาร์ลส์เลยโดนประจานต่อสาธารณชน โดยยื่นคำขาดบังคับ “เข้าพิธีแต่งงาน” กับน้องแพะสาว รับภาระเลี้ยงดูแพะในฐานะภรรยาเยี่ยงปุถุชนที่สมรสกับมนุษย์ด้วยกัน

ทอม โรดส์ ชาวอังกฤษ นายทุนก่อตั้ง จูบา โพสต์ เมื่อปี 2547 บอกนักข่าวบีบีซีว่า ตนแปลกใจแทบช็อกเมื่อทราบว่าประชาชนจำนวนมหาศาลทั่วโลกติดตามเรื่องนี้ ซึ่งหนังสือพิมพ์ของเขาเขียนเป็นข่าวสั้นๆ เบาสมองไม่ซีเรียส เผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ตด้วย

“ชาร์ลส์แก้ตัวว่า อีตอนเกิดเหตุเขาเมาจัดและคึกคะนองมองเห็นแพะยิ้มสวย ก๊อเลยหน้ามืดทำมิดีมิร้ายแพะ แต่ซวยมีคนมาเจอะเข้า ท้ายสุดนายชาร์ลส์ยอมรับชะตากรรม” ทอมเล่า “หลังแต่งงานกับคน โรสมีลูกเพศผู้หนึ่งหน่อ แต่ลูกเป็นแพะไม่ยักใช่มนุษย์แฮะ”

ล่าสุดนางแพะโรสสิ้นลมปราณลาโลกเสียแล้ว...มิใช่ถูกมนุษย์จิตวิปลาส ชาร์ลส์ ทอมเบ้ ใช้งานหลวงงานราษฎร์หนักเกินกำลังหรอก... โรสกลืนถุงพลาสติกแล้วติดคอสำลักขณะเล็มหญ้า กินเศษอาหารบนท้องถนนเมืองจูบา!?

ฮือฮา "ลูกควาย" มีเกล็ดคล้าย "เต่า"

เกิดเสียงร่ำลือว่าที่บ้านหินหล่อง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ของนายทองอยู่ เมนขุนทด สมาชิกอบต. มีแม่ควายให้ลูกออกมามีลักษณะแปลก เนื่องจากทั่วทั้งตัวของลูกควายมีเกล็ดขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง ดูๆ คล้ายเกล็ดกระดองเต่า

         



จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านประมาณร้อยคนกำลังมุงดูเจ้าควายน้อยที่เพิ่งเกิดใหม่ อยู่ในสภาพแข็งแรง บริเวณทั่วตัวพบมีเกล็ดเล็กบ้างใหญ่บ้าง คล้ายเกล็ดกระดองเต่า บริเวณหัวมีเกล็ดขนาดใหญ่ เป็นแผ่นๆ มีลักษณะแข็ง มีเกล็ดขนาดเล็กๆ ขึ้นปิดบริเวณหนังตาทั้งสองข้าง ทำให้เจ้าควายน้อยไม่สามารถลืมตาได้

สอบถามนายทองอยู่ทราบว่า ได้รับบริจาคควายมาจากร้านกิจถาวรตลาดเทศบาลด่านขุนทด ซึ่งขณะนั้นแม่ควายกำลังตั้งท้อง และเมื่อคลอดลูกออกมาก็ตกตะลึง เพราะลูกควายหน้าตาแปลกประหลาด มีเกร็ดคล้ายเกล็ดกระดองเต่าทั่วทั้งตัว

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่เดินทางแห่กันมาดู ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็นำเวลาที่เจ้าควายน้อยเกิดมารวมกับวันที่เกิด นำไปตีเป็นเลขเด็ด เรื่องแบบนี้ห้ามกันไม่ได้จริงๆ!!

แปลก! แมวมีปีก เหมือนนก

หญิงชราชาวจีนอ้างว่า แมวเหมียวที่แกเลี้ยงไว้ เกิดปรากฏการณ์ผิดปกติเหลือเชื่อเหนือธรรมชาติ...จู่ๆก็มี “ปีก” สองอันงอกออกมายาวเฟื้อย!?

         



สำนักข่าวฮั้วซ่างนิวส์รายงานว่า แมวเพศผู้ สัตว์เลี้ยงแสนรักสุดเลิฟของ นางเฟิง ราษฎรเมืองเสี้ยนหยาง มณฑลส้านสี สาธารณรัฐประชาชนจีน เติบโตตามลำดับเหมือนวิฬาร์ทั้งหลาย กระทั่งย่างสู่ วัยหนุ่มฉกรรจ์หน้าตาหล่อเหลาบ้องแบ๊ว

จึงมีบรรดาแมวสาวส่งสายตาปิ๊งๆ ทอดสะพาน คอนกรีตเสริมเหล็ก เชิญชวนยวนยั่วขอร่วมเสพสมเพิ่มผลิตผลประชาชนแมว จรรโลงสัตว์โลกสายพันธุ์ วิฬาร์ให้คงอยู่คู่โลกา

“แต่แปลกประหลาดแฮะ ไอ้เหมียวไม่ยักสนใจแมวสาวๆ แถมสำแดงอาการโกรธเกรี้ยวขนลุกชูชัน ส่งเสียงเมี้ยวม้าวลั่น ขับไล่แมวตัวเมียกระเจิง ครั้นโดนตามตื๊อหนักเข้า...ก็ปรากฏปุ่มตะโหงกสองก้อน งอกขึ้นมาบริเวณหัวไหล่ ปุ่มดังกล่าวเจริญเติบโตยาวเฟื้อยอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขนยาวสี่นิ้วปกคลุม เวลาผ่านพ้นเดือนเดียวก็แน่ชัดนั่นคือ ปีก ภายในมีกระดูกรองรับ เพียงแต่ไม่อาจบินได้เท่านั้นเอง... มันเหมือนเทพบุตรวิฬาร์เชียวหละ” อาม่าเฟิงจินตนาการ

ด้านสัตวแพทย์บอกมิมีอะไรบนกอไผ่ นอกจากหน่วยพันธุกรรมในโครโมโซมหรือยีน (gene) ผิดปกติ แต่ไม่ส่งผลร้ายใดๆต่อการดำรงชีวิตเจ้าเหมียว

แปลก! สาวคลอดลูกวันที่ 7/7/07 บนรถเลข 7777

ช่วงเช้ามืดมีหญิงท้องแก่พร้อมเด็กชายและเด็กหญิง รวม 3 คน โบกรถจากปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 ให้ไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพล สักครู่หญิงท้องแก่คนดังกล่าวก็คลอดลูกออกมาและได้ยินเสียงเด็กร้อง 1 ครั้ง ก่อนเงียบหายไป

         



วันนี้ (7 ก.ค.) เกิดเหตุ นางอัญชลี ใจเพียร หญิงท้องแก่ อายุ 21 ปี คลอดลูกบนรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทย 7777 กรุงเทพมหานคร ขณะว่าจ้างรถแท็กซี่จากปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 ใกล้อาคารไอทีสแควร์ แยกหลักสี่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้ขับไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพล

โชเฟอร์รถแท็กซี่คันดังกล่าว กล่าวว่า ช่วงเช้ามืดมีหญิงท้องแก่พร้อมเด็กชายและเด็กหญิง รวม 3 คน โบกรถจากปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 ให้ไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพล สักครู่หญิงท้องแก่คนดังกล่าวก็คลอดลูกออกมาและได้ยินเสียงเด็กร้อง 1 ครั้ง ก่อนเงียบหายไป

"เด็กผู้ชายที่ขึ้นรถมาด้วยกันได้ถอดเสื้อออกมาห่อตัวเด็กที่เพิ่งคลอดออกมา ตนจึงรีบขับรถไปส่งผู้โดยสารรายนี้ที่โรงพยาบาลภูมิพล พยาบาลได้รับตัดสายรกเด็กทราบว่าเป็นเพศหญิง ขณะนี้สองแม่ลูกปลอดภัยแล้ว อยู่ระหว่างการดูแลรักษาพยาบาลของแพทย์ประจำโรงพยาบาล

ตื่นกล้วยประหลาด เครือคล้าย "งวงช้าง"

  พบต้นกล้วยต้นหนึ่ง แปลกประหลาดที่ออกเครือกลางลำต้น แล้วโคนของเครือกล้วยโค้งงอเหมือนงาช้าง หันหัวปลีเข้าหาลำต้น เพียงเท่านั้นชาวบ้านก็ฮือฮาแห่ไปกราบไหว้ขอหวย

         



วันก่อนมีคนมาบอกว่า พบต้นกล้วยต้นหนึ่ง แปลกประหลาดที่ออกเครือกลางลำต้น แล้วโคนของเครือกล้วยโค้งงอเหมือนงาช้าง หันหัวปลีเข้าหาลำต้น เพียงเท่านั้นชาวบ้านก็ฮือฮาแห่ไปกราบไหว้ขอหวย

บ๊ะ!! มันจะแปลกปานนั้นเชียวหรือ ว่าแล้ว "เป็นไปได้" ก็แจ้นไปที่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 10 บ้านดอนเงิน ต.ชะแล อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ตามลายแทงที่แจ้งมา

เมื่อไปถึงพบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายทองแดง ทองแก้ว อายุ 49 ปี และนางทองผา ทองแก้ว อายุ 48 ปี สองสามีภรรยา สำหรับต้นกล้วยดังกล่าวเป็นกล้วยน้ำว้าอยู่ในกอกล้วยหลังบ้าน โดยที่ต้นกล้วยต้นหนึ่งแปลกประหลาดกว่าต้นอื่นๆ ตรงที่บริเวณกลางลำต้น ได้มีเครือโผล่ออกมา แทนที่จะไปออกที่ปลายต้น

และกล้วยเครือที่โผล่ออกมานั้น มีกล้วยทั้งหมดจำนวน 9 หวีด้วยกัน ส่วนก้านของเครือแทนที่จะห้อยลงดิน กลับงอโค้งขึ้นคล้ายงวงช้าง แล้วตัวปลีกล้วยหันกลับไปหาลำต้น

นางทองผาบอกว่า เมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาได้เกิดฟ้าผ่าที่เสาบ้าน ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้รับความเสียหาย คิดว่าจะเป็นการบอกลางที่ไม่ดี จึงได้ทำพิธีนิมนต์พระมา 4 รูป ทำพิธีสวดสะเดาะสงเคราะห์

หลังจากนั้นในเวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่นอนอยู่ก็ได้ยินเสียงร้องเหมือนคนจะคลอดลูกที่บริเวณหลังบ้าน ซึ่งเป็นกอกล้วย แต่ไม่กล้าลงมาดู จนรุ่งเช้าจึงได้ชวนนายทองแดงสามีลงไปดู ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นต้นกล้วยน้ำว้าออกเครือมาจากลำต้นแล้วโค้งงอเหมือนงาช้าง และที่ปลีได้เสียบเข้าหากลับลำต้น

นางทองผา กล่าวต่อไปว่า ถึงตอนนี้ทำให้คิดว่าต้นกล้วยน่าจะให้โชคลาภกับครอบครัว จึงได้จุดธูปเทียนกราบไหว้ และหลังจากที่ชาวบ้านทราบข่าวต้นกล้วยประหลาดก็ได้แห่มาดู และบ้างก็นำผ้าแพรสีต่างๆ มาผูกที่โคนของเครือกล้วย บ้างก็พากันเอาแป้งมาลูบที่ลำต้นเสี่ยงทายตัวเลข และพากันมาขอหวยกันอย่างไม่ขาดสายแทบทั้งวัน

"ชาวบ้านมากันอย่างนั้นก็ไม่สามารถที่ขัดขวางได้ หลายคนพากันตีเป็นเลขเด็ดต่างๆ นานา แล้วแต่ความเชื่อและที่เห็นของแต่ละคน"นางทองผาว่าอย่างนั้น แต่ถ้าจะให้เสริมก็บอกว่า เรื่องนี้เงินใครเงินมัน!!

มะพร้าวคล้ายกล้วย

ชาวบ้านเมืองหมอแคน แตกตื่นกันยกใหญ่เมื่อมีคนไปพบต้นมะพร้าวออกลูกคล้ายเครือกล้วย อยู่ในบ้านเลขที่ 364 หมู่ 8 บ้านซำจาน ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

         
เมื่อตามไปดูกับเขาด้วยก็พบชาวบ้านจำนวนมาก ล้อมรอบต้นมะพร้าวประหลาด ออกผลคล้ายกล้วย 1 ทะลายอย่างเนืองแน่น



นางประยงค์ โนนโทนวงษ์ อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการ รพช.ลำปาง เจ้าของบ้านและเจ้าของต้นมะพร้าว ยืนคุมเชิงต้นมะพร้าวที่ออกผลมีลักษณะคล้ายกล้วย 1 ทะลายห้อยเป็นพวงใหญ่ มีผลมากกว่า 200 ลูก มีก้านต่อห้อยลงมาจากต้นมะพร้าวประมาณ 1 คืบ

หน้าต้นมีโต๊ะหมู่บูชา กระถาง ธูปเทียน ให้ประชาชนมากราบไหว้ โดยเจ้าของต้นมะพร้าวได้เขียนป้ายไว้ที่ผลลูกมะพร้าวที่กลายเป็นกล้วยไว้ว่า "ห้ามจับ"

นางประยงค์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ปลดเกษียณจาก รพช.ลำปางมาแล้ว ก็มาทำไร่ทำสวนอยู่ในไร่ในหมู่บ้านซำจาน อ.เมืองขอนแก่น โดยก่อนหน้านั้นประมาณ 1 ปี ได้ไปซื้อต้นมะพร้าวพันธุ์น้ำหอมจาก จ.นครปฐม มาจำนวน 3 ต้น ต้นละ 150 บาท หลังจากนั้นได้นำมาปลูกในสวนบ้านซำจาน

เมื่อปลดเกษียณมาแล้วก็มาทำสวนอย่างจริงจัง เมื่อประมาณต้นปี 2550 มีต้นมะพร้าวที่ซื้อมาได้ออกผลเป็นลูกมะพร้าวเหมือนมะพร้าวทั่วไป ก็ได้นำมารับประทาน และรดน้ำให้กับต้นมะพร้าวเสมอ กระทั่งมีข้างบ้านเห็นว่ามะพร้าวต้นหนึ่งที่ซื้อมาแปลกมากกว่าต้นไม้ต้นอื่นๆ ผิดธรรมชาติอย่างมาก เพราะต้นมะพร้าวได้มีอยู่ 1 ทะลายออกผลคล้ายกล้วย 1 ทะลาย

จากนั้นได้นำผลลูกหนึ่งมาผ่าดูพบเป็นลูกมะพร้าวคล้ายลักษณะกล้วย มีแกนตันไม่มีใยเหมือนกากมะพร้าว จึงได้ปล่อยเอาไว้ให้เจริญเติบโต หลังจากนั้นมีชาวบ้านทราบข่าวได้บอกกันปากต่อปาก ว่ามีมะพร้าวออกลูกเป็นกล้วยก็พากันมาดูอย่างเนืองแน่น

และก่อนหน้านี้มีพระสงฆ์ ประจำอยู่วัดบ้านหนองปอ ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น อ้างว่าเป็นพระสงฆ์เข้าทรงเทพฤๅษีตาไฟ ทราบข่าวจากการเข้าทรง จึงได้มาพิสูจน์ดูต้นมะพร้าวประหลาดมีผลเป็นกล้วย เมื่อพบว่าเป็นจริงตามที่เข้าทรงมาก็บอกว่า ลูกมะพร้าวที่กลายเป็นกล้วยมีทั้งหมด 225 ลูก ร่วงลงมาเอง 3 ลูก มีคนเอาไป 1 ลูก

นางประยงค์ ก็บอกว่าใช่ เพราะได้เด็ดมา 1 ลูก เพื่อผ่าพิสูจน์ดู หลายคนจึงเชื่อว่าการเข้าทรงน่าจะจริง เสียงร่ำลือจึงพาหลายคนมาที่โคนมะพร้าวเพื่อหาเลขเด็ด เป็นหวังและฝันที่เห็นกันได้ทั่ว!!

มนุษย์ 3 หู

ข่าว แปลก ศิลปิน ชาว ไซปรัส อยากมี หู เพิ่มอีก 1 ข้าง จึงหา หมอ ใจกล้า ให้ผ่าตัด ฝัง ใบหู ลงไปที่ แขนซ้าย แถมใน อนาคต ศิลปิน คนนี้ ยังมี โครงการ ฝัง ไมโครโฟน อีกด้วย

         



คนเราแค่เกิดมาแล้วมีร่างกาย "ครบ 32" ก็ถือเป็นบุญสุดๆ แล้ว

แต่นายสเตลิโอ อาร์คาดิโอ ศิลปินชาวไซปรัสที่มาหากินอยู่ในออสเตรเลีย ดั๊นอยากมี "หู" เพิ่มมาอีก 1 ข้าง เพื่อสร้างงานศิลปะชิ้นเอกบนเรือนร่าง!

และแล้วเขาก็เที่ยวตระเวนออกไล่ล่าหมอใจกล้า ให้ลงมือผ่าตัดฝังใบหูลงไปใน "แขนซ้าย" สำเร็จจนได้!

"หูข้างที่ 3 ของกระพ้มมันคืองานศิลป์ที่ช่วยเติมเต็มร่างกาย" สเตลิโอ บอก

ในอนาคต "ศิลปิน 3 หู" คนนี้ยังมีโครงการฝัง "ไมโครโฟน" บันทึกเสียงลงไปในหูข้างใหม่ซะด้วย..เอ้า..บ้าก็บ้าฟะ!!

ทารกอินเดีย มี 4 แขน 4 ขา

ที่เมืองบังกาลอร์ ทางใต้ของอินเดีย มีเด็กหญิงชาวอินเดียคนหนึ่งเกิดมามี 4 แขน 4 ขา โดยพ่อแม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าวอยากให้แพทย์ผ่าตัด เพื่อให้เด็กได้ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป

         



บีบีซีรายงานว่า ทีมแพทย์โรงพยาบาลในเมืองบังกาลอร์ทางใต้ของอินเดีย ลงมือผ่าตัดช่วย ด.ญ.ลักษมี ทัตมา วัย 2 ขวบ เด็กหญิงที่เกิดมามีขาและแขนอย่างละ 4 ข้าง ซึ่งชาวบ้านพากันร่ำลือว่า เป็นพระนางลักษมี เทพแห่งทรัพย์สมบัติ อวตารลงมาเกิด

แพทย์อธิบายว่า เด็กมีอวัยวะเจริญมากกว่าปกติ เนื่องจากระหว่างอยู่ในครรภ์ส่วนของกระดูกเชิงกรานของเด็กหญิงไปเชื่อมกับอวัยวะของฝาแฝดไข่ใบเดียวกันที่ไม่เจริญเติบโตและไม่มีศีรษะ ทำให้มีแขนขาเกินด้านละ 2 ข้าง นอกจากนี้ ยังมีไตข้างละ 2 ข้าง มีเส้นประสาทที่พัวพันอยู่ มีโพรงกระเพาะ 2 ช่อง และโพรงปอด 2 แห่ง ทำให้เด็กเดินไม่ได้ และสำหรับการผ่าตัดถือว่าซับซ้อนมาก

นายแพทย์ชรัน ปาติล ผู้นำทีมศัลยแพทย์ กล่าวว่า แพทย์ต้องผ่าแยกกระดูกสันหลังและไตซึ่งเป็นของฝาแฝดออกจากตัวของเด็ก เมื่อเริ่มต้นด้วยการผ่าเปิดช่องท้อง

การผ่าตัดต้องใช้เวลาราว 40 ชั่วโมง แต่ถ้าการผ่าตัดราบรื่นจะใช้เวลาน้อยกว่านั้น ส่วนโอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตอยู่ร้อยละ 20-25 ลักษณะของเด็กหญิงซึ่งอวัยวะเชื่อมต่อกับฝาแฝดไม่พบบ่อยนัก โดยจะพบเพียง 1 ใน 200,000 คน และโอกาสรอดอยู่ที่ร้อยละ 5-25

นายแพทย์ปาติล กล่าวว่า ทีแรกตนได้ยินว่ามีเด็กหญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐพิหาร ติดชายแดนเนปาล ต้องการความช่วยเหลือ จึงเดินทางไปค้นหา พบด.ญ.ลักษมี ลูกของนางพูนัม และนายสัมภู มีพี่ชาย 1 คน ตนตกใจว่า เด็กมีอาการติดเชื้อและเป็นไข้เรื้อรังโดยไม่ได้รับการรักษา ทางพ่อแม่ของเด็กดีใจมากและอยากให้ลูกผ่าตัด เพื่อเด็กจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่และใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นพ่อแม่ที่ฉลาดมากและมองการณ์ไกล

ด้านนายสัมภู พ่อของเด็ก กล่าวว่า ทางครอบครัวต้องคอยแอบซ่อนลูกคนนี้ไว้หลังจากมีคณะละครสัตว์มาติดต่อขอซื้อ และทุกคนในหมู่บ้านพากันคิดว่าลูกเป็นเทพมาเกิด

อื้อฮือ! "ส้วม" ทองคำ

  ฮ่องกงมีการสร้างส้วมทองคำ โดยส้วมนี้ ทำด้วยทองคำแท้ 24 กะรัต สุกอร่ามไปทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นโถส้วม อ่างล้างมือ แปรงขัดส้วม ที่แขวนกระดาษทิชชู กรอบกระจก โคมไฟแชนเดอเลีย ฯลฯ

         



ห้องสุขาทองคำที่ว่านี้ เปิดให้ชมมาตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ.2001 โน่น ไม่รู้ว่าป่านนี้ยังอยู่ดีหรือเปล่าเป็นห้องส้วมที่จัดสร้างขึ้นในร้านจิวเวลรี่ชื่อ 3D-Gold ในฮ่องกง ของนายลัม ไซ-วิง หนุ่มจีนแผ่นดินใหญ่วัย 45ปี ที่อพยพเข้าไปอยู่ในฮ่องกงตั้งแต่อายุ 22 และทำมาค้าขายเกี่ยวเรื่องเพชรๆ พลอยๆ ของสวยงามจนกระทั่งตั้งร้านจิวเวลรี่ของตัวเองได้สำเร็จร่ำรวยสมปรารถนา

นายลัมมีจินตนาการตั้งแต่วัยเด็กว่า ถ้าหากเขาร่ำรวยขึ้นมาสักวันหนึ่ง จะขอสร้างห้องส้วมทองคำให้ตัวเองสักหลัง เพราะเขาเกิดประทับใจกับคำพูดของ วลาดิมีร์ เลนิน ผู้นำการปฏิวัติสังคมนิยมในรัสเซียเมื่อปี ค.ศ.1921 ที่ว่า สังคมปฏิวัติน่าจะสร้าง “ส้วมทองคำ” ขึ้นมาสักแห่งเพื่อเตือนความทรงจำของมนุษยชาติให้เห็นถึงขยะอันน่าชิงชังรังเกียจของลัทธิทุนนิยม

ส้วมทองคำแห่งนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างอื้ออึง เพราะทำด้วยทองคำแท้ 24 กะรัต สุกอร่ามไปทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นโถส้วม อ่างล้างมือ แปรงขัดส้วม ที่แขวนกระดาษทิชชู กรอบกระจก โคมไฟแชนเดอเลีย แม้กระทั่งเพดาน ผนังห้อง พื้นกระเบื้อง และบานประตูก็ปูและกรุด้วยทองคำแท้ๆ เฉพาะเพดานส้วมนั้นยังฝังเพชรพลอยจำพวก ทับทิบ ไพลิน มรกต และอำพัน ส่องประกายมลังเมลือง จำนวนถึง 6,200 เม็ด

โถงหน้าห้องน้ำออกแบบเป็นสไตล์โรมัน และที่พื้นห้องฝังทองคำแท่งหนักราว 2 ปอนด์ไว้บนกระเบื้องแต่ละแผ่น สุกอร่ามไปทั้งร้าน มูลค่าเหนาะๆ ของห้องส้วมแห่งนี้ประมาณ 38 ล้านเหรียญฮ่องกง แต่ก็คุ้มแสนคุ้มเพราะลูกค้าแห่แหนกันเข้ามาเยี่ยมชมอย่างล้นหลาม จนต้องจัดคิวเข้าดูตลอดวันและโทรทัศน์ CNN ยังมาถ่ายทำข่าวออกเผยแพร่ไปทั่วโลก ดังระเบิด

ผลพลอยได้ที่นายลัมรับเหนาะๆ ทันทีคือเงินทองไหลมาเทมาจากการขายสินค้าในร้าน เนื่องจากลูกค้าที่ต้องการสัมผัสโถส้วมทองคำให้เป็นบุญก้นสักครั้งต้องซื้อของในร้านมูลค่าตั้งแต่ 138 ดอลล่าร์ หรือ 1,000 เหรียญฮ่องกง ขึ้นไปจึงจะได้เข้าไปใช้ส้วมหลังนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าลูกค้าทุกคนต้องถอดรองเท้าเสียก่อนจึงจะผ่านเข้าไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วพื้นห้องน้ำทองคำอาจบอบช้ำถลอกปอกเปิกจากส้นรองเท้าได้

30 ปี ศพไม่เน่า เชื่อเป็น ลูกกรอก

ศพ 30 ปีไม่เน่า เชื่อเป็น ลูกกรอก หรือ กุมารทอง โดยวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับศพไร้ญาติที่ถูกฝังไว้ในวัด

         



และต้องตกตะลึงจนเป็น ข่าว เมื่อพบศพเด็กจำนวน 3 ศพและศพผู้ใหญ่อีก 1 ศพกลับไม่เน่าเปื่อยทั้งที่ฝังไม่ต่ำกว่า 30 ปี ชาวบ้านเชื่อศพเด็กเป็น ลูกกรอก หรือ กุมารทอง ส่วนศพหญิงสาวเป็นนางฟ้า

กุมารทอง หรือว่า ลูกกรอก เป็นเรื่องที่ชาวบ้านยึดมั่นประเภท หากไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่กันเลยทีเดียว จากประวัติและตำนานมีพูดกันมากมาย แต่ล่าสุดที่วัดสะแก ต.ในเมือง อ.เมือง จ. นครราชสีมา กลับมีความฮือฮาว่าได้พบ "ลูกกรอก"

วันก่อน มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถานนครราชสีมา ประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับศพไร้ญาติที่ถูกฝังไว้ในวัดสะแก จำนวน 14 ศพ หลังจากขุดออกมาเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศล 3 วันก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณี ต่อไป

โดยในจำนวนศพทั้งหมดหลังจากขุดออกมา ชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญจำนวนมากต่างตกตะลึงหลังพบว่า ศพเด็กจำนวน 3 ศพและศพผู้ใหญ่อีก 1 ศพกลับไม่เน่าเปื่อยผิวหนังแห้งติดกับกระดูก ชาวบ้านที่มามุงดูต่างอ้างว่าศพเด็กดังกล่าวเป็นลูกกรอก ส่วนศพหญิงสาวเป็นนางฟ้า ประชาชนที่มามุงดูต่างก็ร่วมทำบุญด้วยการซื้อเสื้อผ้าและน้ำหอมเครื่องแต่งตัวมาตกแต่งให้กับศพดังกล่าวด้วย

ที่สำคัญบางคนก็นำธูปเทียนมากราบไหว้ เพื่อขอพรตามความเชื่อ รวมทั้งบางรายยังได้อธิษฐานขอพรให้ฝันได้เลขหวยเด็ดๆ อีกด้วย สำหรับศพเด็กที่เป็นลูกกรอกดังกล่าว ประกอบด้วย ด.ญ.สุกัญญา ชลงาม อายุประมาณ 10 ขวบ ถูกฝังไว้ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2518, ด.ช.ปีนัง ไม่ทราบนามสกุล อายุ ประมาณ 6 ขวบ ถูกฝังไว้ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 2517 และ ด.ช.สมเกียรติ ขอฝากกลาง อายุประมาณ 4 ขวบ ถูกฝังไว้ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. 2512

นอกจากนี้ยังมี น.ส.เล็ก ศรีวิชัย อายุประมาณ 20-25 ปี ถูกฝังตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.2518 ทั้งนี้แต่ละศพถูกฝังไว้ไม่ต่ำกว่า 30 ปี ในขณะที่ชาวบ้านแห่เข้ามาดูและกราบไหว้อย่างไม่ขาดสาย

ฮือฮา! เหมียว 4 ใบหู

ฮือฮา! คุณแม่ชาวอียิปต์ คลอดแฝด 7

คุณแม่ชาวอียิปต์คลอดลูกแฝด 7 รวดเดียว โดยเป็นชาย 4 และหญิง 3 แพทย์สุดทึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน

         



สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงาน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม.ว่า นางกาซาลา คามิส หญิงชาวอียิปต์วัย 27 ปี ได้คลอดลูกแฝด 7 คน ที่โรงพยาบาลในเมืองอเล็กซานเดอร์ ประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นเด็กชาย 4 คน และเด็กหญิง 3 คน น้ำหนักตัวทั้งหมดตั้งแต่ ตั้งแต่ 3.2 ปอนด์ - 6.17 ปอนด์ โดยเด็กแฝดทั้ง 7 ถูกจับเข้าห้องอบอุณหภูมิ

ขณะที่ นางกาซาลา มีอาการปลอดภัยดี ซึ่งเธอได้รับการถ่ายเลือดระหว่างรับการทำคลอดด้วยวิธีผ่าท้อง จากการตัดสินใจของแพทย์เนื่องจากเห็นว่าการตั้งครรภ์ของเธอกระทบต่อไต และมีขึ้นในขณะที่เธอตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนเต็ม

ด้านนายแพทย์ อีมัด ดาร์วิช ผู้ทำการผ่าตัด ระบุว่า การคลอดแฝด 7 ครั้งนี้เป็นการเหตุการณ์คลอดเด็กที่แปลกและหายาก ซึ่งเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยในรอบ 33 ปีที่ผ่านมา

โรคประหลาด เลือดท่วมตัว

ทวิงเคิล ดวีเทวี เป็นเด็กหญิงชาวอินเดีย จากรัฐอันตรประเทศ อายุ 13 ปี ซึ่งเด็กๆ วัยนี้น่าจะเป็นวัยที่มีแต่ความสดใสร่าเริง แต่ชีวิตของทวิงเคิล

         





ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเธอเป็นโรคแปลกประหลาดที่ยังรักษาไม่หาย อาการของโรคทำให้เลือดท่วมร่างของเด็กหญิงอยู่ตลอดเวลา

ภาพที่เลือด ไหลออกจากหลายๆ ส่วนร่างกาย ทำให้เด็กหญิงไม่มีเพื่อนคบหา ถูกโรงเรียนไล่ออก เพื่อนบ้านหวาดกลัว พร้อมกับกล่าวหาว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะถูกสาปแช่ง

นางนันดนี ดวีเทวี แม่ของทวิงเคิลกล่าวว่า "เราไม่ใช่พวกที่งมงาย แต่เมื่อหมอแผนปัจจุบันรักษาไม่หาย ฉันก็พาลูกไปทุกๆ ที่ เผื่อว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ ไม่ว่าจะเป็นวัด สุเหร่า โบสถ์ แต่ทุกที่ก็รักษาอาการเลือดท่วมของลูกสาวฉันไม่ได้ ลูกยังมีอาการอ่อนเพลียเพราะเลือดออกมากเกินไป ทั้งยังรู้สึกสิ้นหวังและเก็บเนื้อเก็บตัวมากขึ้น ฉันอยากให้ลูกได้ไปโรงเรียนเหมือนเดิม"

เลือดที่ไหลออกมาเป็นเลือดที่มีความข้นน้อยมาก มันเหมือนกับไวน์แดงไหลออกมาจากตา จมูก ตีนผม คอ ฝ่าเท้า บางครั้งอาการแย่มากถึงขนาดเด็กหญิงตื่นขึ้นมากลางดึก และพบว่า ทั้งร่างกายมีเลือดแห้งกรัง

"ถ้าเลือดออกที่ศีรษะ หนูจะรู้สึกว่าหัวหนูหนักมาก ถ้าเลือดออกที่ตา ตาก็จะแสบไปหมด เวลาอาบน้ำล้างตัวยังรู้สึกเจ็บด้วย" ทวิงเคิลกล่าว

อาการนี้มีขึ้นเมื่อเด็กหญิงอายุ 12 ปี จู่ๆ ก็มีเลือดออกวันละ 5-20 นาที ดูน่ากลัวมาก กระโปรงนักเรียนเต็มไปด้วยเลือดสีแดง ไม่มีใครเข้าใกล้และเล่นด้วย เด็กหญิงร้องไห้ทุกครั้งที่เลือดออก จากนั้นโรงเรียนไม่รับเธอเข้าเรียนจนต้องเรียนที่บ้านแทน

แพทย์จากสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลอินเดีย เชื่อว่า ทวิงเคิลเป็นโรคความผิดปกติของเกล็ดเลือด "Type 2 Platelet Disorder" ที่พบยากมาก ยังไม่มีทางรักษาหาย เพราะยังหาทางทำให้เลือดข้นกว่านี้ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ดรูว์ โพรวาน ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา จากโรงพยาบาลบาร์ตส์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีความเห็นว่า ทวิงเคิล อาจไม่ได้เป็นโรค "Type 2 Platelet Disorder" แต่อาจเป็นโรค "วอน วิลแบรนด์ (von Willebrand)" และควรพบแพทย์เพื่อเข้าเครื่องวิเคราะห์การแข็งตัวของเลือด โดยเชื่อว่า อาการของทวิงเคิลไม่เกี่ยวกับอนุภาคที่ทำให้เลือดแข็งตัว แต่เกี่ยวกับระดับของ "วอน วิลแบรนด์ แฟคเตอร์ (vWF)"

ปลาแฝด

สำนักข่าวต่างประเทศฮือฮา พบปลาแฝดสยาม ซึ่งมีท้องติดกัน และยังมีชีวิตในประเทศไทย โดยปลาทั้งคู่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

         
ปลาแฝดสยามตัวเป็นๆ ในไทย



 
ปลานิลแฝดวัย 8 เดือนคู่นี้ มีลำตัวใต้ท้องติดกัน ขณะที่อวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกายแยกอิสระจากกัน และมีพัฒนาการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นระบบการหายใจ และการขับถ่าย

ปลาตัวที่ใหญ่กว่า ทำหน้าที่เสมือนพี่ผู้ปกป้องน้อง ที่ติดอยู่ด้านล่างของลำตัว ซึ่งมีขนาดตัวเล็กกว่า ทั้งยังเป็นผู้คอยหาอาหารด้วย

ทั้งนี้ ปลานิลเป็นปลาน้ำจืด พบได้ในแม่น้ำ คลอง ทะเลสาบ และหนองน้ำในเขตร้อน เจริญเติบโตได้ยาวสุด 2 ฟุต และหนักได้ถึง 9 ปอนด์ ส่วนเจ้าปลาแฝดสยามสองพี่น้องคู่นี้พบในสถานที่เลี้ยงสัตว์น้ำแห่งหนึ่งในกรุงเทพ